ชโลโม เบนาร์ทซี: ออมสำหรับวันพรุ่ง วันพรุ่งนี้
-
0:00 - 0:03วันนี้ผมจะพูดเรื่องการออมมากขึ้นครับ
-
0:03 - 0:06แต่ไม่ใช่วันนี้ ไม่ใช่พรุ่งนี้
-
0:06 - 0:08ผมจะพูดถึง "ออมเพิ่มในวันพรุ่ง"
-
0:08 - 0:10มันเป็นโครงการที่ ริชาร์ด เธเลอร์
-
0:10 - 0:12จากมหาวิทยาลัยชิคาโกกับผม
-
0:12 - 0:15คิดค้นเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว
-
0:15 - 0:17ในแง่หนึ่งโครงการนี้
-
0:17 - 0:19เป็นตัวอย่างของการเงินเชิงพฤติกรรม
-
0:19 - 0:21สิ่งที่สำคัญ --
-
0:21 - 0:24เราจะนำการเงินพฤติกรรม ไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างไร
-
0:24 - 0:27ทีนี้คุณอาจสงสัยว่า การเงินพฤติกรรมคืออะไร?
-
0:27 - 0:30เราลองมาคิดกันก่อนนะครับว่า เราจัดการเงินกันอย่างไร
-
0:30 - 0:33ลองเริ่มจากสินเชื่อบ้าน
-
0:33 - 0:35หัวข้อร่วมสมัยในกระแส
-
0:35 - 0:37อย่างน้อยก็ในสหรัฐอเมริกา
-
0:37 - 0:39คนเยอะมากเลยซื้อ
-
0:39 - 0:42บ้านที่ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาสามารถซื้อได้
-
0:42 - 0:45ที่จริงก็ใหญ่กว่านั้นนิดหน่อยด้วยซ้ำ
-
0:45 - 0:48เสร็จแล้วก็ถูกยึดบ้าน
-
0:48 - 0:50เสร็จแล้วก็ประนามธนาคารว่า
-
0:50 - 0:53เป็นพวกสารเลวที่ปล่อยให้กู้ตั้งแต่แรก
-
0:53 - 0:55เราลองนึกสิว่า
-
0:55 - 0:57เราจัดการความเสี่ยงอย่างไร --
-
0:57 - 0:59ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนในตลาดหุ้น
-
0:59 - 1:02สองปีก่อน สามปีก่อน หรือสี่ปีก่อน
-
1:02 - 1:04ตลาดหุ้นไปได้สวย
-
1:04 - 1:07แน่นอน เราเป็นพวกชอบความเสี่ยง
-
1:07 - 1:09แล้วตลาดก็ชักกระตุก
-
1:09 - 1:11แล้วเราบอกว่า "โอ้โห
-
1:11 - 1:14ตอนขาดทุนนี่มันรูู้สึก
-
1:14 - 1:17แตกต่างมากเลย
-
1:17 - 1:20กับสิ่งที่เราคิดว่าจะเกิด
-
1:20 - 1:22ตอนที่ตลาดกำลังขึ้น"
-
1:22 - 1:25ดังนั้น เราอาจกำลังรับมือกับความเสี่ยง
-
1:25 - 1:27ได้ไม่ค่อยดีนัก
-
1:27 - 1:30พวกคุณกี่คนที่นี่มีไอโฟนครับ?
-
1:30 - 1:33มีไหมครับ? เยี่ยมเลย
-
1:33 - 1:36ผมพนันได้ว่าพวกคุณหลายคน
-
1:36 - 1:39ทำประกันไอโฟนของคุณ --
-
1:39 - 1:42คุณซื้อประกันโดยนัย ถ้าคุณจ่ายค่าขยายอายุประกันสินค้า
-
1:42 - 1:44ถ้าคุณทำไอโฟนหายล่ะ?
-
1:44 - 1:46หรือถ้าทำแบบนี้?
-
1:46 - 1:48มีใครในที่นี้มีลูกไหมครับ?
-
1:48 - 1:50มีไหมครับ?
-
1:50 - 1:52ยกมือค้างไว้ก่อนนะ
-
1:52 - 1:55มีใครซื้อประกันชีวิตบ้างครับ
-
1:55 - 1:57ผมเห็นหลายคนลดมือลงแล้ว
-
1:57 - 1:59ผมจะพยากรณ์ว่า
-
1:59 - 2:01ถ้าพวกคุณเป็นตัวแทนของประชากรเฉลี่ย
-
2:01 - 2:03คนที่ซื้อประกันไอโฟนจะมีมากกว่า
-
2:03 - 2:06คนที่ซื้อประกันชีวิตให้ตัวเอง
-
2:06 - 2:08ต่อให้มีลูกแล้วก็ตาม
-
2:08 - 2:11เราตัดสินใจเรื่องประกันไม่เก่งเลย
-
2:11 - 2:15ครัวเรือนอเมริกันโดยเฉลี่ย
-
2:15 - 2:18ใช้เงิน 1,000 เหรียญสหรัฐต่อปี
-
2:18 - 2:20ซื้อล็อตเตอรี่
-
2:20 - 2:23ผมรู้ว่าตัวเลขนี้ฟังดูบ้ามาก
-
2:23 - 2:26มีใครในห้องนี้ใช้เงินพันเหรียญทุกปี ซื้อล็อตเตอรี่ครับ?
-
2:26 - 2:28ไม่มีเลย
-
2:28 - 2:31นั่นแปลว่าคนที่ไม่ได้อยู่ในห้องนี้
-
2:31 - 2:33ต้องใช้เงินมากกว่าหนึ่งพันเหรียญแน่ๆ
-
2:33 - 2:36ค่าเฉลี่ยถึงได้ออกมาพันเหรียญ
-
2:36 - 2:38ผู้มีรายได้น้อย
-
2:38 - 2:42ใช้เงินซื้อล็อตเตอรี่มากกว่าพันเหรียญ
-
2:42 - 2:44แล้วมันแปลว่าอะไรครับ?
-
2:44 - 2:47เราจัดการเงินได้ไม่เก่งเลย
-
2:47 - 2:50การเงินพฤติกรรม ที่จริงก็คือส่วนผสม
-
2:50 - 2:52ระหว่างจิตวิทยากับเศรษฐศาสตร์
-
2:52 - 2:54เพื่อพยายามเข้าใจ
-
2:54 - 2:56ความผิดพลาดเรื่องเงินที่เราทำๆ กัน
-
2:56 - 2:58เอาล่ะ ผมสามารถยืนอยู่ตรงนี้
-
2:58 - 3:02ได้อีก 12 นาทีกับ 53 วินาที
-
3:02 - 3:04เพื่อเล่าเรื่องตลกของวิธีต่างๆ ที่
-
3:04 - 3:06เราใช้จัดการเงิน
-
3:06 - 3:09แล้วพอเล่าจบพวกคุณจะถามว่า "เราจะช่วยคนได้ยังไง?"
-
3:09 - 3:12นั่นคือประเด็นที่ผมอยากเน้นในวันนี้
-
3:12 - 3:14เราจะเข้าใจ
-
3:14 - 3:17เกี่ยวกับความผิดพลาดเรื่องเงินที่ทำๆ กัน
-
3:17 - 3:20แล้วเปลี่ยนอุปสรรคเชิงพฤติกรรมเหล่านั้น
-
3:20 - 3:22ไปเป็นวิธีแก้ไขเชิงพฤติกรรมได้อย่างไร?
-
3:22 - 3:24วันนี้ผมจะเล่าให้ฟัง
-
3:24 - 3:26เรื่องโครงการออมเพิ่มในวันพรุ่ง
-
3:26 - 3:28ผมอยากพูดถึงประเด็น
-
3:28 - 3:30การออมเงิน
-
3:30 - 3:32บนจอคือภาพ
-
3:32 - 3:34กลุ่มตัวอย่างประชากรเฉลี่ย
-
3:34 - 3:36ของคนอเมริกัน 100 คน
-
3:36 - 3:39เราจะมาดูพฤติกรรมการออมของพวกเขา
-
3:39 - 3:41สิ่งแรกที่เราสังเกตคือ
-
3:41 - 3:43คนครึ่งหนึ่ง
-
3:43 - 3:45ไม่มีแม้แต่
-
3:45 - 3:47แผนเงินสำรองเลี้ยงชีพ
-
3:47 - 3:50ยากมากที่พวกเขาจะออม
-
3:50 - 3:53พวกเขาไม่สามารถมีเงินเหลือจากค่าจ้าง
-
3:53 - 3:55มาใส่บัญชีสำรองเลี้ยงชีพได้
-
3:55 - 3:57ก่อนที่พวกเขามองเห็น
-
3:57 - 3:59ก่อนจะแตะเงินก้อนนี้ได้
-
3:59 - 4:02แล้วคนอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือล่ะ?
-
4:02 - 4:05บางคนเลือกไม่ออม
-
4:05 - 4:07คือแค่ขี้เกียจ
-
4:07 - 4:10ไม่เคยเข้าเว็บซับซ้อน
-
4:10 - 4:13คลิก 17 ครั้งเพื่อเปิดบัญชีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
-
4:13 - 4:15เสร็จแล้วก็จะต้องตัดสินใจว่าจะลงทุนยังไง
-
4:15 - 4:17จากตัวเลือก 52 ตัว
-
4:17 - 4:21ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยรู้จัก "กองทุนตลาดเงิน" มาก่อน
-
4:21 - 4:23ข้อมูลประดังจนเลือกไม่ถูก ก็เลยไม่สมัคร
-
4:23 - 4:28มีกี่คนกันที่มีบัญชีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ?
-
4:28 - 4:31หนึ่งในสามของชาวอเมริกันทั้งหมด
-
4:31 - 4:33สองในสามตอนนี้ไม่ได้ออม
-
4:33 - 4:35แล้วพวกเขาออมเงินกันพอหรือเปล่า?
-
4:35 - 4:37ลองไม่นับคนที่
-
4:37 - 4:39บอกว่าพวกเขาออมน้อยเกินไป
-
4:39 - 4:41มีเพียงหนึ่งในสิบคน
-
4:41 - 4:44ที่ออมพอ
-
4:44 - 4:46เก้าในสิบคน
-
4:46 - 4:49ออมผ่านบัญชีสำรองเลี้ยงชีพไม่ได้
-
4:49 - 4:52ตัดสินใจไม่ออม หรือไม่ตัดสินใจ
-
4:52 - 4:55หรือไม่ก็ออมในบัญชี แต่น้อยเกินไป
-
4:55 - 4:57ผมคิดว่าเรามีปัญหา
-
4:57 - 4:59กับคนที่ออมไว้มาก
-
4:59 - 5:01ลองมาดูเรื่องนี้กัน
-
5:01 - 5:03เรามีคนหนึ่งคน --
-
5:03 - 5:06อืม ที่จริงเราต้องหั่นครึ่งเขา
-
5:06 - 5:09เพราะมันน้อยกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์
-
5:09 - 5:12ชาวอเมริกันประมาณครึ่งเปอร์เซ็นต์
-
5:12 - 5:17รู้สึกว่าพวกเขาออมเงินไว้อย่างเยอะ
-
5:17 - 5:19เราจะทำอะไรกับเรื่องนี้ดี?
-
5:19 - 5:21นี่คือประเด็นที่ผมอยากพูดถึง
-
5:21 - 5:23เราต้องเข้าใจว่า
-
5:23 - 5:25ทำไมคนถึงไม่ออม
-
5:25 - 5:27แล้วเราถึงจะมีหวังว่าสามารถ
-
5:27 - 5:29เปลี่ยนอุปสรรคเชิงพฤติกรรมนี้
-
5:29 - 5:31ให้เป็นวิธีแก้เชิงพฤติกรรมได้
-
5:31 - 5:34แล้วดูว่ามันมีพลังแค่ไหน
-
5:34 - 5:36ฉะนั้นผมขอเปลี่ยนเรื่องแป้บนึง
-
5:36 - 5:38เราจะมาระบุตัวปัญหา
-
5:38 - 5:41อุปสรรค, อุปสรรคเชิงพฤติกรรม
-
5:41 - 5:43ที่ขัดขวางคนไม่ให้ออม
-
5:43 - 5:47ผมจะเปลี่ยนเรื่อง ไปพูดเรื่องกล้วยกับช็อกโกแลตครับ
-
5:47 - 5:50สมมุติว่าสัปดาห์หน้าเราจะมีงานเท็ดเจ๋งๆ อีกงาน
-
5:50 - 5:52แล้วตอนพัก
-
5:52 - 5:54ก็มีขนมฟรีให้กิน
-
5:54 - 5:56คุณเลือกได้ระหว่างกล้วยกับช็อกโกแลต
-
5:56 - 5:59พวกคุณกี่คนครับคิดว่าจะเลือกกินกล้วย
-
5:59 - 6:01ระหว่างพักเบรคงานเท็ดสมมุติ สัปดาห์หน้า?
-
6:01 - 6:03ใครจะกินกล้วยครับ?
-
6:03 - 6:05เยี่ยมเลย
-
6:05 - 6:07ผมพยากรณ์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์
-
6:07 - 6:10ว่าพวกคุณ 74 เปอร์เซ็นต์จะกินกล้วย
-
6:10 - 6:14อย่างน้อยงานวิจัยที่ยอดมากชิ้นหนึ่ง ก็พยากรณ์อย่างนี้
-
6:15 - 6:18เสร็จแล้วก็นับวัน
-
6:18 - 6:22ตามไปดูว่าคนกินอะไรจริงๆ
-
6:23 - 6:26คนที่จินตนาการว่าตัวเอง
-
6:26 - 6:28จะกินกล้วย
-
6:28 - 6:30ลงเอยด้วยการกินช็อกโกแลต
-
6:30 - 6:32หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง
-
6:32 - 6:34การควบคุมตัวเอง
-
6:34 - 6:37ไม่ใช่ปัญหาในอนาคต
-
6:37 - 6:39มันเป็นแค่ปัญหา ณ ตอนนี้
-
6:39 - 6:43เมื่อมีช็อกโกแลตอยู่ต่อหน้าเรา
-
6:43 - 6:46เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเวลาและการออมหรือครับ
-
6:46 - 6:49นี่คือเรื่องของการอดใจรอไม่ได้?
-
6:49 - 6:53ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์บางคนเรียกว่า อคติชอบปัจจุบัน (present bias)
-
6:53 - 6:55เราคิดถึงเรื่องการออม เรารู้ดีว่าเราควรจะออมเงิน
-
6:55 - 6:58เรารู้ว่าเราจะออมปีหน้า แต่วันนี้ไปใช้เงินดีกว่า
-
6:58 - 7:00เดี๋ยวก็คริสต์มาสแล้ว
-
7:00 - 7:03ไปซื้อของขวัญแจกทุกคนที่เรารู้จักดีกว่า
-
7:03 - 7:07ฉะนั้นเจ้าอคติชอบปัจจุบันนี้
-
7:07 - 7:09ทำให้เราคิดถึงการออม
-
7:09 - 7:11แต่ลงท้ายกลับใช้เงินแทน
-
7:11 - 7:13ตอนนี้ผมอยากพูดถึง
-
7:13 - 7:15อุปสรรคเชิงพฤติกรรมอีกเรื่องที่กีดขวางการออม
-
7:15 - 7:17เรื่องนี้เกี่ยวกับแรงเฉื่อย
-
7:17 - 7:19แต่ตรงนี้ขอนอกเรื่องอีกนิดนะครับ
-
7:19 - 7:22มาดูเรื่องการบริจาคอวัยวะกัน
-
7:22 - 7:25งานวิจัยชิ้นเอก ที่เปรียบเทียบระหว่างประเทศต่างๆ
-
7:25 - 7:28เราจะดูสองประเทศที่คล้ายกัน
-
7:28 - 7:31เยอรมนี กับ ออสเตรีย
-
7:31 - 7:33ในเยอรมนี
-
7:33 - 7:35ถ้าคุณอยากบริจาคอวัยวะ --
-
7:35 - 7:37ถ้าพระเจ้าช่วยให้คุณไม่ประสบ
-
7:37 - 7:39อุบัติเหตุร้ายแรง --
-
7:39 - 7:42เวลาคุณขอใบขับขี่หรือบัตรประชาชน
-
7:42 - 7:44คุณติ๊กช่องที่ระบุว่า
-
7:44 - 7:46"ข้าพเจ้าประสงค์จะบริจาคอวัยวะ"
-
7:46 - 7:48ไม่ค่อยมีใครชอบติ๊กหรอก
-
7:48 - 7:50มันต้องใช้ความพยายาม คุณต้องหยุดคิด
-
7:50 - 7:53มีสิบสองเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ทำ
-
7:53 - 7:56ออสเตรีย ประเทศเพื่อนบ้าน
-
7:56 - 7:58คล้ายกันนิดหน่อย ต่างกันเล็กน้อย
-
7:58 - 8:00ความแตกต่างคืออะไร?
-
8:00 - 8:02โอเค คุณยังมีทางเลือก
-
8:02 - 8:04คือเลือกได้ว่า
-
8:04 - 8:07อยากจะบริจาคอวัยวะหรือไม่อยาก
-
8:07 - 8:09แต่เวลาคุณได้ใบขับขี่
-
8:09 - 8:11คุณจะติ๊ก
-
8:11 - 8:15ถ้าคุณไม่อยากบริจาคอวัยวะ
-
8:15 - 8:17ไม่มีใครติ๊กช่องนี้เลยครับ
-
8:17 - 8:19เหมือนว่าใช้ความพยายามมากเกิน
-
8:19 - 8:22มีคนติ๊กเปอร์เซ็นเดียว ที่เหลือไม่ทำอะไร
-
8:22 - 8:24การไม่ทำอะไรนี่ปกติมาก
-
8:24 - 8:27มีน้อยคนที่กาช่อง
-
8:27 - 8:29นัยของมันคืออะไร
-
8:29 - 8:31ต่อการช่วยชีวิตคน
-
8:31 - 8:34และมีอวัยวะให้เปลี่ยนเพียงพอ?
-
8:34 - 8:36ในเยอรมนี คน 12 เปอร์เซ็นต์ติ๊กช่อง
-
8:36 - 8:39มีผู้บริจาคอวัยวะ 12 เปอร์เซ็นต์
-
8:39 - 8:41อวัยวะขาดแคลนขนาดหนัก
-
8:41 - 8:43โชคดีเถอะ ถ้าคุณต้องเปลี่ยนอวัยวะ
-
8:43 - 8:46ในออสเตรีย เหมือนกันคือไม่มีใครกาช่อง
-
8:46 - 8:49ดังนั้น คน 99 เปอร์เซ็นต์
-
8:49 - 8:51จึงเป็นผู้บริจาคอวัยวะ
-
8:51 - 8:53แรงเฉื่อย การไม่ทำอะไร
-
8:53 - 8:55อะไรคือตัวเลือกอัตโนมัติ
-
8:55 - 8:57ถ้าคนไม่ทำอะไร
-
8:57 - 9:00ถ้าพวกเขาผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ติ๊กช่อง?
-
9:00 - 9:02มีพลังมากครับ
-
9:02 - 9:04เราจะพูดเรื่อง
-
9:04 - 9:08สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคนรูู้สึกกลัวและข้อมูลท่วม
-
9:08 - 9:11เวลาตัดสินใจแผนสำรองเลี้ยงชีพ
-
9:11 - 9:14เราจะทำให้พวกเขาเป็นสมาชิกโดยอัตโนมัติ
-
9:14 - 9:16หรือว่าให้เลือกเป็น?
-
9:16 - 9:19ในแผนสำรองเลี้ยงชีพจำนวนมาก
-
9:19 - 9:21ถ้าหากคนไม่ทำอะไร
-
9:21 - 9:24แปลว่าพวกเขาไม่ได้กำลังออมสำหรับวัยเกษียณ
-
9:24 - 9:26ถ้าพวกเขาไม่ติ๊กช่อง
-
9:26 - 9:29และการติ๊กนั้นต้องใช้ความพยายาม
-
9:29 - 9:32เราได้คุยกัน เรื่องอุปสรรคเชิงพฤติกรรมสองสามเรื่อง
-
9:32 - 9:35ผมจะพูดอีกเรื่องก่อนที่เราจะพลิกอุปสรรคไปเป็นวิธีแก้ปัญหา
-
9:35 - 9:37เรื่องนี้เกี่ยวกับลิงและแอปเปิลครับ
-
9:37 - 9:39จริงๆ นะ มันเป็นงานวิจัยจริง
-
9:39 - 9:43และก็เกี่ยวข้องกับเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมมาก
-
9:43 - 9:46ลิงกลุ่มหนึ่งได้กินแอปเปิลลูกนึง พวกมันมีความสุขมาก
-
9:46 - 9:48อีกกลุ่มได้แอปเปิลสองลูก ลูกหนึ่งถูกยึดไป
-
9:48 - 9:50ยังมีเหลืออีกลูกหนึ่ง
-
9:50 - 9:53พวกมันโกรธมาก
-
9:53 - 9:56ทำไมแกถึงเอาแอปเปิลเราไป?
-
9:56 - 9:59พฤติกรรมนี้เรียกว่า ความเกลียดการสูญเสีย
-
9:59 - 10:01เราเกลียดมากเวลาต้องเสียอะไร
-
10:01 - 10:04ต่อให้มันจะมีความเสี่ยงน้อยมากก็เถอะ
-
10:04 - 10:07คุณคงเกลียดมากเวลาไปที่ตู้เอทีเอ็ม
-
10:07 - 10:09กดเงินออกมา 100 เหรียญ
-
10:09 - 10:11แล้วสังเกตว่าธนบัตรใบละ 20 เหรียญหายไปหนึ่งใบ
-
10:11 - 10:13เจ็บปวดมากเลย
-
10:13 - 10:15แม้มันจะไม่มีความหมายอะไร
-
10:15 - 10:1920 เหรียญนั่นซื้อข้าวเที่ยงกล่องเดียว ก็หมดแล้ว
-
10:19 - 10:23ความเกลียดการสูญเสียนี้
-
10:23 - 10:26แสดงออกในเรื่องการออมเช่นกัน
-
10:26 - 10:28เพราะความรู้สึกของคนเรา
-
10:28 - 10:31ทั้งอารมณ์และสามัญสำนึก
-
10:31 - 10:33มองว่าการออมคือการสูญเสีย
-
10:33 - 10:36เพราะฉันต้องลดรายจ่าย
-
10:36 - 10:38โอเคครับ เราพูดกันเรื่อง
-
10:38 - 10:40อุปสรรคเชิงพฤติกรรมครบแล้ว
-
10:40 - 10:44สุดท้ายก็เกี่ยวกับการออมทั้งหมด
-
10:44 - 10:47ไม่ว่าคุณจะนึกถึงการที่เราอดใจรอไม่ได้
-
10:47 - 10:50ช็อกโกแลตเทียบกับกล้วย
-
10:50 - 10:53ยังไงก็เจ็บปวดถ้าต้องออมวันนี้
-
10:53 - 10:55สนุกกว่ากันมาก
-
10:55 - 10:57ถ้าไปใช้เงินวันนี้
-
10:57 - 11:00เราพูดถึงแรงเฉื่อยกับการบริจาคอวัยวะ
-
11:00 - 11:02และการติ๊กช่อง
-
11:02 - 11:04ถ้าคนต้องติ๊กหลายช่องมากๆ
-
11:04 - 11:06ก่อนจะเปิดบัญชีสำรองเลี้ยงชีพได้
-
11:06 - 11:08พวกเขาก็จะผลัดวันประกันพรุ่ง
-
11:08 - 11:10และไม่สมัคร
-
11:10 - 11:12สุดท้าย เราพูดถึงความเกลียดการสูญเสีย
-
11:12 - 11:14ลิงกับแอปเปิล
-
11:14 - 11:17ถ้าในหัวคนมองว่า
-
11:17 - 11:20การออมเพื่อวัยเกษียณคือความสูญเสีย
-
11:20 - 11:23พวกเขาก็จะไม่ออมเพื่อวัยเกษียณ
-
11:23 - 11:25เรามีความท้าทายเหล่านี้
-
11:25 - 11:27สิ่งที่ ริชาร์ด เธเลอร์ กับผม
-
11:27 - 11:29รู้สึกอัศจรรย์ใจเสมอมา --
-
11:29 - 11:31คือการนำการเงินเชิงพฤติกรรม
-
11:31 - 11:33ทำมันให้เป็นการเงินเชิงพฤติกรรมโฉมใหม่
-
11:33 - 11:35หรือ การเงินเชิงพฤติกรรม 2.0
-
11:35 - 11:37หรือการเงินเชิงพฤติกรรมภาคปฏิบัติ --
-
11:37 - 11:41พลิกอุปสรรคให้เป็นวิธีแก้ปัญหา
-
11:41 - 11:44เราคิดค้นวิธีแก้ปัญหาที่เรียบง่ายอย่างน่าเขิน
-
11:44 - 11:48เรียกว่า ออมเพิ่ม ไม่ใช่วันนี้ แต่ในวันพรุ่ง
-
11:48 - 11:50มันแก้ปัญหาความท้าทาย
-
11:50 - 11:52ที่เราพูดมาได้อย่างไร?
-
11:52 - 11:54ถ้าคุณคิดถึงปัญหา
-
11:54 - 11:56ของกล้วยกับช็อกโกแลต
-
11:56 - 11:59เราคิดว่าสัปดาห์หน้าเราจะกินกล้วย
-
11:59 - 12:02เราคิดว่าปีหน้าเราจะออมมากขึ้น
-
12:02 - 12:05ออมเพิ่มในวันพรุ่ง
-
12:05 - 12:07เชื้อเชิญให้พนักงาน
-
12:07 - 12:09ออมมากกว่าเดิม อาจจะปีหน้า --
-
12:09 - 12:11ซักครั้งในอนาคต
-
12:11 - 12:13เมื่อเราจินตนาการว่าตัวเอง
-
12:13 - 12:15กำลังกินกล้วย
-
12:15 - 12:17ทำงานอาสามากขึ้นในชุมชน
-
12:17 - 12:21ออกกำลังกายมากขึ้น ทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับโลก
-
12:21 - 12:24ทีนี้ เราพูดไปแล้วด้วยเรื่องติ๊กช่อง
-
12:24 - 12:27และความยากลำบากของการลงมือทำ
-
12:27 - 12:29ออมเพิ่มในวันพรุ่ง
-
12:29 - 12:31ทำให้เรื่องนี้ง่ายมาก
-
12:31 - 12:33มันจัดการให้โดยอัตโนมัติ
-
12:33 - 12:37เมื่อคุณบอกผมว่าคุณอยากออมมากขึ้นในอนาคต
-
12:37 - 12:39สมมุติว่าทุกเดือนมกราคม
-
12:39 - 12:42คุณก็จะออมเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ
-
12:42 - 12:45เราจะหักเงินเดือนคุณทันที เอาเงินใส่บัญชีสำรองเลี้ยงชีพ
-
12:45 - 12:47ก่อนที่คุณจะเห็น ก่อนที่คุณจะได้แตะต้องมัน
-
12:47 - 12:49ก่อนที่คุณจะไปถึงประเด็น
-
12:49 - 12:52อดใจรอไม่ไหว
-
12:52 - 12:55แต่เราจะทำยังไงเรื่องลิง
-
12:55 - 12:57กับความเกลียดความสูญเสีย?
-
12:57 - 12:59ปีหน้าพอถึงเดือนมกรา
-
12:59 - 13:01คนอาจรู้สึกว่าถ้าออมมากขึ้น
-
13:01 - 13:04ก็จะต้องใช้เงินน้อยลง รู้สึกเดือดร้อน
-
13:05 - 13:07ครับ บางทีมันอาจไม่ใช่แค่มกราคม
-
13:07 - 13:10บางทีเราอาจให้คนออมมากขึ้น
-
13:10 - 13:13ทุกครั้งที่ได้เงินมากขึ้น
-
13:13 - 13:16วิธีนี้ เวลาที่พวกเขามีเงินมากขึ้น ตอนได้ขึ้นเงินเดือน
-
13:16 - 13:20พวกเขาจะได้ไม่ต้องลดค่าใช้จ่าย
-
13:20 - 13:22พวกเขาดึงเงินส่วนหนึ่ง
-
13:22 - 13:24จากเงินเดือนส่วนที่เพิ่มขึ้น
-
13:24 - 13:26เอาไปใช้มากขึ้น --
-
13:26 - 13:28แล้วกันเงินอีกส่วนของส่วนเพิ่ม
-
13:28 - 13:30ไปใส่บัญชีสำรองเลี้ยงชีพ
-
13:30 - 13:32นี่คือโครงการของเราครับ
-
13:32 - 13:34เรียบง่ายอย่างน่าเขิน
-
13:34 - 13:36แต่เราจะได้เห็นว่า
-
13:36 - 13:38มีพลังมหาศาล
-
13:38 - 13:40ครั้งแรกเราลงมือทำ
-
13:40 - 13:42ริชาร์ด เธเลอร์ กับผม
-
13:42 - 13:45ในปี 1998
-
13:45 - 13:48ให้กับบริษัทขนาดกลาง ในภาคตะวันตกตอนกลาง
-
13:48 - 13:50คนงานระดับล่าง
-
13:50 - 13:52ดิ้นรนหมุนเดือนชนเดือน
-
13:52 - 13:54พวกเขาย้ำกับเรานักหนาว่า
-
13:54 - 13:57ออมเพิ่มทันทีไม่ได้เลย
-
13:57 - 14:00ให้ออมเพิ่มวันนี้ไม่มีทาง
-
14:00 - 14:02เราเชิญให้พวกเขา
-
14:02 - 14:05ออมมากกว่าเดิม 3 เปอร์เซ็นต์
-
14:05 - 14:08ทุกครั้งที่ได้ขึ้นเงินเดือน
-
14:08 - 14:11และนี่คือผลลัพธ์ครับ
-
14:11 - 14:13เรากำลังดูช่วงเวลาสามปีครึ่ง
-
14:13 - 14:15ระหว่างนั้นขึ้นเงินเดือนสี่ครั้ง
-
14:15 - 14:17คนที่ดิ้นรนอยากออม
-
14:17 - 14:19กำลังออม 3 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน
-
14:19 - 14:21ถัดมาสามปีครึ่ง
-
14:21 - 14:24พวกเขาออมได้มากกว่าเดิมสี่เท่า
-
14:24 - 14:27คือเกือบ 14 เปอร์เซ็นต์
-
14:27 - 14:29มีรองเท้า จักรยาน
-
14:29 - 14:31และของอื่นๆ ในชาร์ตนี้
-
14:31 - 14:33เพราะผมไม่อยากใส่แค่ตัวเลข
-
14:33 - 14:35ในสูญญากาศ
-
14:35 - 14:38ผมอยากคิดถึงข้อเท็จจริง
-
14:38 - 14:40ที่ว่าการออมมากขึ้นสี่เท่า
-
14:40 - 14:42คือความเปลี่ยนแปลงมหาศาล
-
14:42 - 14:44ในแง่ของวิถีชีวิต
-
14:44 - 14:46ที่คนมีกำลังซื้อพอให้ใช้
-
14:46 - 14:48เรื่องจริงครับ
-
14:48 - 14:51ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนกระดาษ
-
14:51 - 14:53การออมสามเปอร์เซ็นต์
-
14:53 - 14:55อาจทำให้คนซื้อรองเท้าผ้าใบ
-
14:55 - 14:57ดีๆ คู่หนึ่งมาใช้
-
14:57 - 15:01เพราะไม่มีกำลังซื้อของอย่างอื่น
-
15:01 - 15:03แต่พอออมได้ 14 เปอร์เซ็นต์
-
15:03 - 15:06พวกเขาอาจมีรองเท้าทำงาน
-
15:06 - 15:09ใส่เดินไปขับรถ
-
15:09 - 15:11นี่คือความแตกต่างที่แท้จริง
-
15:11 - 15:16ตอนนี้บริษัทขนาดใหญ่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์
-
15:16 - 15:19มีโครงการทำนองนี้แล้ว
-
15:19 - 15:22มันเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายคุ้มครองบำนาญ
-
15:22 - 15:24ไม่ต้องพูดเลยว่า เธเลอร์กับผม
-
15:24 - 15:27ได้รับพรศักสิทธิ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้
-
15:27 - 15:29และสร้างการเปลี่ยนแปลง
-
15:29 - 15:31ผมอยากจะจบ
-
15:31 - 15:34ด้วยสองข้อความสำคัญครับ
-
15:34 - 15:37ข้อแรกคือ การเงินเชิงพฤติกรรม
-
15:37 - 15:40มีพลังมหาศาล
-
15:40 - 15:43นี่เป็นแค่ตัวอย่างเดียวเท่านั้น
-
15:43 - 15:45ข้อที่สองคือ
-
15:45 - 15:47ยังมีงานอีกมากที่เราต้องทำ
-
15:47 - 15:50นี่เป็นแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น
-
15:50 - 15:53ถ้าคุณคิดถึงคนและสินเชื่อบ้าน
-
15:53 - 15:56ซื้อบ้านมาแล้วก็ผ่อนไม่ได้
-
15:56 - 15:58เราต้องคิดถึงเรื่องนี้
-
15:58 - 16:01ถ้าคุณกำลังคิดเรื่องที่คนรับความเสี่ยงมากไป
-
16:01 - 16:04แต่ไม่เข้าใจว่ากำลังรับความเสี่ยงขนาดไหน
-
16:04 - 16:06หรือคนอื่นที่เสี่ยงน้อยเกินไป
-
16:06 - 16:08เราต้องคิดถึงเรื่องนี้
-
16:08 - 16:11ถ้าคุณคิดเรื่องคนที่ใช้เงินเป็นพันๆ เหรียญในแต่ละปี
-
16:11 - 16:13ซื้อหวย
-
16:13 - 16:15เราต้องคิดเรื่องนั้นด้วย
-
16:15 - 16:17ที่จริงค่าเฉลี่ย
-
16:17 - 16:19ของสถิติในสิงคโปร์
-
16:19 - 16:21ครัวเรือนโดยเฉลี่ย
-
16:21 - 16:24ใช้เงินซื้อหวย 4,000 เหรียญต่อปี
-
16:24 - 16:26เรามีงานต้องทำอีกเยอะครับ
-
16:26 - 16:28ปัญหาต้องแก้อีกมาก
-
16:28 - 16:31ในเรื่องวัยเกษียณด้วย
-
16:31 - 16:33ประเด็นว่าคนเราใช้เงินทำอะไร
-
16:33 - 16:35หลังเกษียณ
-
16:35 - 16:37คำถามสุดท้ายคือ
-
16:37 - 16:40พวกคุณกี่คนรู้สึกพอใจว่า
-
16:40 - 16:42ระหว่างที่วางแผนวัยเกษียณ
-
16:42 - 16:45มีแผนการที่ดีจริงๆ
-
16:45 - 16:47ว่าจะเกษียณเมื่อไหร่
-
16:47 - 16:50จะขอรับเงินชดเชยจากประกันสังคมเมื่อไหร่
-
16:50 - 16:52จะมีวิถีชีวิตยังไง
-
16:52 - 16:54จะใช้เงินเท่าไหร่ต่อเดือน
-
16:54 - 16:56เพื่อให้เงินไม่หมด?
-
16:56 - 16:59มีกี่คนครับในนี้ ที่รู้สึกว่าวางแผนไว้ดีพอสำหรับอนาคต
-
16:59 - 17:03เมื่อพูดถึงการใช้ชีวิตหลังเกษียณ
-
17:04 - 17:07หนึ่ง สอง สาม สี่
-
17:07 - 17:09ไม่ถึงสามเปอร์เซ็นต์
-
17:09 - 17:11ในกลุ่มผู้ฟังที่ฉลาดมาก
-
17:11 - 17:14หนทางของการเงินเชิงพฤติกรรมยังอีกไกลครับ
-
17:14 - 17:16มีโอกาสมากมาย
-
17:16 - 17:20ที่จะทำให้มันมีพลัง อีกครั้งและอีกครั้งและอีกครั้ง
-
17:20 - 17:22ขอบคุณครับ
-
17:22 - 17:24(เสียงปรบมือ)
- Title:
- ชโลโม เบนาร์ทซี: ออมสำหรับวันพรุ่ง วันพรุ่งนี้
- Speaker:
- Shlomo Benartzi
- Description:
-
เป็นเรื่องง่ายที่เรานึกจะออมเงินในสัปดาห์หน้า แต่ถ้าให้ออมตอนนี้เลยล่ะ? โดยทั่วไปเรามักจะอยากใช้เงินมากกว่า นักเศรษฐศาสตร์ ชื่อ ชโลโม เบนาร์ทซี บอกว่านี่เป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดประการหนึ่งของการมีเงินออมอย่างพอใช้ในวัยเกษียณ เขาถามว่า เราจะเปลี่ยนอุปสรรคเชิงพฤติกรรมนี้ให้เป็นการแก้ปัญหาเชิงพฤติกรรมได้อย่างไร?
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 17:24