คณิตศาสตร์แห่งรัก
-
0:00 - 0:05วันนี้ ดิฉันอยากคุยกับคุณเรื่อง
คณิตศาสตร์แห่งความรัก -
0:05 - 0:07ฉันว่าเราทุกคนคงเห็นตรงกันว่า
-
0:07 - 0:12นักคณิตศาสตร์นี่ขึ้นชื่อว่า
หาแฟนเก่งเหลือเกิน -
0:12 - 0:15แต่ไม่ใช่แค่เพราะบุคลิกภาพที่น่าหลงใหล
-
0:15 - 0:20ทักษะการพูดคุยที่เหนือชั้น
และกล่องดินสอเลิศๆ -
0:20 - 0:24แต่เป็นเพราะเราได้ลงแรงไปเยอะ
กับการสร้างหลักคณิตศาสตร์ -
0:24 - 0:26สำหรับการหาคู่รักที่สมบูรณ์แบบ
-
0:26 - 0:30บทความที่ฉันชอบที่สุดในเรื่องนี้ ชื่อว่า
-
0:30 - 0:33"ทำไมผมจึงไม่มีแฟน"
(เสียงหัวเราะ) -
0:33 - 0:37ปีเตอร์ แบคคัส พยายามคำนวณ
โอกาสที่เขาจะพบรัก -
0:37 - 0:39ปีเตอร์ไม่ใช่คนโลภมากเท่าไหร่
-
0:39 - 0:42จากผู้หญิงทั้งหมดในอังกฤษ
-
0:42 - 0:45ปีเตอร์ต้องการแค่ใครสักคนที่บ้านอยู่ใกล้เขา
-
0:45 - 0:47ใครสักคนที่อายุพอๆ กัน
-
0:47 - 0:50ใครสักคนที่เรียนจบมหาวิทยาลัย
-
0:50 - 0:52ใครสักคนที่น่าจะเข้ากับเขาได้ดี
-
0:52 - 0:54ใครสักคนที่เขาจะรู้สึกชอบ
-
0:54 - 0:56ใครสักคนที่น่าจะชอบเขา
-
0:56 - 0:59(เสียงหัวเราะ)
-
0:59 - 1:04แล้วสรุปว่า ทั้งประเทศอังกฤษ
จะมีผู้หญิงแบบนี้ประมาณ 26 คน -
1:05 - 1:08ดูท่าไม่ค่อยดีเลยเนอะ
ว่าไหมปีเตอร์ -
1:08 - 1:09ถ้าจะให้เห็นภาพชัดขึ้น
-
1:09 - 1:13ตัวเลขที่ว่านั้น ยังน้อยกว่า
จำนวนสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่มีสติปัญญา -
1:13 - 1:17ที่มีคนประมาณเอาไว้ถึง 400 เท่า
-
1:17 - 1:22และปีเตอร์ก็มีโอกาส 1 ใน 285,000
-
1:22 - 1:24ที่จะได้เจอหญิงสาวคนพิเศษคนนั้น
-
1:24 - 1:25ในคืนหนึ่งที่เขาไปเที่ยวนอกบ้าน
-
1:25 - 1:27ฉันเชื่อว่านั้นเป็นเหตุผลว่าทำไม
พวกนักคณิตศาสตร์ -
1:27 - 1:31ถึงไม่เสียเวลาไปท่องราตรีอีกแล้ว
-
1:31 - 1:33แต่จริงๆ แล้ว ส่วนตัวฉันเอง
-
1:33 - 1:35ไม่เชื่อความคิดที่มองโลกแง่ร้ายแบบนี้
-
1:35 - 1:38เพราะฉันรู้ดี เช่นเดียวกับที่พวกคุณทุกคนรู้
-
1:38 - 1:40ว่าความรักมันไม่ได้ดำเนินไปอย่างนั้น
-
1:40 - 1:45อารมณ์ของมนุษย์ไม่ได้เป็นระเบียบ
มีเหตุผล และทำนายได้ง่ายแบบนั้น -
1:45 - 1:48แต่นั่นไม่ได้แปลว่า
-
1:48 - 1:51คณิตศาสตร์ช่วยอะไรเราไม่ได้เลย
-
1:51 - 1:55เพราะความรัก ก็เหมือนเรื่องอื่นๆ ในชีวิต
ที่มีแบบแผนต่างๆ มากมาย -
1:55 - 1:59และที่สุดแล้ว คณิตศาสตร์ก็คือการศึกษา
แบบแผนของปรากฏการณ์ต่างๆ นั่นเอง -
1:59 - 2:03แบบแผนที่ว่า มีตั้งแต่จากการพยากรณ์อากาศ
ไปจนถึงความผันผวนในตลาดหุ้น -
2:03 - 2:07ไปจนถึงการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์
การเติบโตของเมืองต่างๆ -
2:07 - 2:09ถ้าจะพูดกันตรงๆ นะ สิ่งเหล่านี้
ก็ไม่มีอันไหนเลย -
2:09 - 2:13ที่เป็นระเบียบหรือทำนายได้ง่าย
-
2:13 - 2:18แต่เพราะฉันเชื่อในคณิตศาสตร์
ว่ามันทรงพลังจนมีศักยภาพ -
2:18 - 2:22ที่จะช่วยให้เรามีมุมมองใหม่
ต่อเกือบจะทุกสิ่งทุกอย่าง -
2:22 - 2:25แม้แต่อะไรที่ลึกลับมากๆ อย่างความรัก
-
2:25 - 2:27ดังนั้น เพื่อพยายามโน้มน้าวคุณ
-
2:27 - 2:31ว่าคณิตศาสตร์มันน่าทึ่ง เจ๋ง
และสำคัญแค่ไหน -
2:31 - 2:39ฉันอยากเล่าเคล็ดลับความรักเด็ดสุด 3 อย่าง
ที่พิสูจน์มาแล้วด้วยคณิตศาสตร์ -
2:40 - 2:42โอเค เคล็ดลับเด็ดสุดข้อที่หนึ่ง
-
2:42 - 2:45หาคู่ออนไลน์อย่างไรให้ชนะเลิศ
-
2:46 - 2:50เว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ที่ฉันชอบสุดคือ
OkCupid -
2:50 - 2:54ไม่ใช่แค่เพราะกลุ่มผู้ก่อตั้ง
เป็นนักคณิตศาสตร์ -
2:54 - 2:55แต่เพราะเป็นนักวิทยาศาสตร์
-
2:55 - 2:57เขาจึงเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ
-
2:57 - 3:00ทุกคนที่มาใช้เว็บไซต์ที่ว่า
โดยเก็บมาเกือบสิบปีแล้ว -
3:00 - 3:02พวกเขากำลังพยายามค้นหาแบบแผน
-
3:02 - 3:04ในวิธีการที่เราพูดถึงตัวเราเอง
-
3:04 - 3:06และวิธีปฏิสัมพันธ์ที่เรามีกับผู้อื่น
-
3:06 - 3:08บนเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์
-
3:08 - 3:11และเขาก็พบผลที่น่าสนใจมาก
ในหลายประเด็น -
3:11 - 3:12แต่ที่ฉันชอบที่สุด คือ
-
3:12 - 3:16กลายเป็นว่า บนเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์นั้น
-
3:16 - 3:22ความสวยหล่อไม่ได้เป็นตัวกำหนด
ว่าจะมีคนสนใจคุณมากแค่ไหน -
3:22 - 3:25และที่จริง การที่มีคนคิดว่าคุณขี้เหร่
-
3:25 - 3:28อาจมีประโยชน์ต่อตัวคุณ
-
3:28 - 3:30ฉันจะบอกให้ว่าทำไม
-
3:30 - 3:35ในแบบฟอร์มส่วนหนึ่งของ OkCupid
-
3:35 - 3:38คุณสามารถให้คะแนนความสวยหล่อ
ของคนอื่นได้ -
3:38 - 3:40บนมาตรวัดที่มีค่า 1 ถึง 5
-
3:40 - 3:43ทีนี้ ถ้าเราเปรียบเทียบคะแนนความสวยหล่อ
-
3:43 - 3:46กับค่าเฉลี่ยจำนวนข้อความที่เขาได้รับ
-
3:46 - 3:48คุณจะเริ่มเห็นว่า
-
3:48 - 3:52ความสวยหล่อสัมพันธ์กับความเป็นที่สนใจ
ในเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ -
3:52 - 3:55นี่เป็นกราฟที่คนของ OkCupid สร้างขึ้นมา
-
3:55 - 3:58สิ่งสำคัญที่น่าสังเกตุคือ
มันไม่จริงเสมอไป -
3:58 - 4:01ว่ายิ่งสวยหล่อ
คุณจะยิ่งได้รับข้อความมากขึ้น -
4:01 - 4:05คำถามคือ คนที่อยู่ตรงนี้มีอะไรดี
-
4:05 - 4:10ถึงได้มีคนสนใจมากกว่าคนกลุ่มนี้
-
4:10 - 4:12ทั้งที่มีคะแนนความสวยหล่อเท่ากัน
-
4:12 - 4:17และเหตุผลที่ว่า ทำไมสิ่งสำคัญ
จึงไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก -
4:17 - 4:19ฉันขออธิบายให้เห็นภาพ
ด้วยตัวอย่างอันนี้ -
4:19 - 4:24ถ้าลองดูใครสักคน เช่น
พอร์เทีย เดอ รอสซี่ เป็นต้น -
4:24 - 4:28ทุกคนเห็นด้วยว่าพอร์เทีย เดอ รอสซี่
เป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง -
4:28 - 4:32ไม่มีใครคิดว่าเธอขี้เหร่
แต่เธอก็ไม่ได้เป็นสุดยอดนางแบบเช่นกัน -
4:32 - 4:37ถ้าคุณเปรียบเทียบพอร์เทีย เดอ รอสซี่
กับคนอย่างซารา เจสซิกา พาร์กเกอร์ -
4:37 - 4:40คนจำนวนมาก จะว่าไปก็ รวมถึงตัวฉันเองด้วย
-
4:40 - 4:44คิดว่าซารา เจสซิกา พาร์กเกอร์นั้น
สวยเลิศแบบจริงจัง -
4:44 - 4:47และอาจเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิต
ที่สวยงามที่สุด -
4:47 - 4:50ที่เคยเดินอยู่บนพื้นผิวโลกนี้
-
4:50 - 4:56แต่คนอื่นบางคน เช่น
คนส่วนใหญ่ในโลกอินเทอร์เน็ต -
4:56 - 5:02ดูจะคิดว่าเธอหน้าเหมือนม้า
(เสียงหัวเราะ) -
5:02 - 5:05ทีนี้ ถ้าคุณให้คนทั่วไปประเมินความสวย
-
5:05 - 5:07ของซารา เจสซิกา พาร์กเกอร์
กับพอร์เทีย เดอ รอสซี่ -
5:07 - 5:10ว่าสวยแค่ไหน
ให้คะแนนจาก 1 ถึง 5 -
5:10 - 5:13ฉันว่าทั้งคู่คงได้คะแนนเฉลี่ยพอๆ กัน
-
5:13 - 5:16แต่แบบแผนการให้คะแนนของคนจะต่างกันมาก
-
5:16 - 5:19คะแนนของพอร์เทียจะเกาะกลุ่มอยู่ใกล้ๆ ค่า 4
-
5:19 - 5:21เพราะทุกคนเห็นด้วยว่าเธอสวย
-
5:21 - 5:24ในขณะที่กรณีซารา เจสซิกา พาร์กเกอร์
ความเห็นจะเป็นสองขั้ว -
5:24 - 5:26คะแนนของเธอมีการกระจายเยอะมาก
-
5:26 - 5:28และความหลากหลายของคะแนนนี่แหละสำคัญ
-
5:28 - 5:31ความหลากหลายของความเห็นนี่แหละ
ทำให้มีคนสนใจคุณมากขึ้น -
5:31 - 5:33ในเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์
-
5:33 - 5:34หมายความว่า
-
5:34 - 5:37ถ้าคนบางคนคิดว่าคุณสวยหล่อ
-
5:37 - 5:39คุณจะได้เปรียบกว่า
-
5:39 - 5:44ถ้ามีแค่บางคนคิดว่าคุณสวยน่ามองสุดๆ
-
5:44 - 5:46นั่นดีกว่ากรณีที่คน "ทุกคน" คิดว่า
-
5:46 - 5:48คุณเป็นสาวสวยข้างบ้าน
-
5:48 - 5:50ฉันคิดว่าคุณจะเริ่มเข้าใจมากขึ้น
-
5:50 - 5:53เมื่อคุณคิดจากมุมของ
คนที่เป็นฝ่ายส่งข้อความมาหา -
5:53 - 5:56สมมุติคุณคิดว่าใครสักคนสวยหล่อ
-
5:56 - 6:00แต่คุณคิดว่าคนอื่นคงไม่ได้สนใจคนคนนี้เท่าไหร่
-
6:00 - 6:03นั่นหมายความว่าคุณมีคู่แข่งน้อยลง
-
6:03 - 6:05และนั่นคือสิ่งจูงใจเพิ่มเติม
ที่ทำให้คุณติดต่อเขาไป -
6:05 - 6:08ในขณะที่ ถ้าเทียบกับกรณีที่
คุณคิดว่าใครสักคนสวยหล่อ -
6:08 - 6:11แต่สงสัยว่าคนอื่นทุกคน
ก็คิดเหมือนกัน -
6:11 - 6:15ถ้าอย่างนั้น คุณจะหาเรื่อง
ให้ตัวเองเสียหน้าทำไม เอาจริงๆ -
6:15 - 6:17จุดที่น่าสนใจมากๆ อยู่ตรงนี้แหละ
-
6:17 - 6:21เพราะเวลาคนทั่วไปเลือกรูปมาใช้
ในเว็บหาคู่ออนไลน์ -
6:21 - 6:24เขามักพยายามลดอะไรต่างๆ
-
6:24 - 6:27ที่เขาคิดว่าคนอื่นจะคิดว่าไม่สวย
-
6:27 - 6:31ตัวอย่างคลาสสิกคือ
คนที่อาจจะน้ำหนักเกินไปหน่อย -
6:31 - 6:35ตั้งใจเลือกรูปที่ตัดช่วงตัวออกไปเยอะๆ
-
6:35 - 6:37หรือผู้ชายหัวล้าน
-
6:37 - 6:39ก็ตั้งใจเลือกรูปที่ตัวเองใส่หมวก
-
6:39 - 6:42แต่นั่นมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณควรทำ
-
6:42 - 6:44ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จในการหาคู่ออนไลน์
-
6:44 - 6:48แทนที่จะทำอย่างนั้น
จริงๆ คุณควรเน้นสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่าง -
6:48 - 6:52ถึงแม้บางคนจะมองว่ามันไม่สวยไม่ดึงดูดใจ
-
6:52 - 6:56เพราะคนที่ชอบคุณ
ยังไงเขาก็ชอบคุณอยู่ดี -
6:56 - 7:00การมีบางคนที่ไม่ชอบคุณ
กลับเป็นประโยชน์กับคุณเสียอีก -
7:00 - 7:03โอเค เคล็ดลับความรักสุดเด็ดข้อที่ 2
-
7:03 - 7:06ลองจินตนาการว่าคุณประสบความสำเร็จสูงมาก
-
7:06 - 7:07ในการหาคู่
-
7:07 - 7:11แต่ก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า
แล้วจะเปลี่ยนคนที่ใช่นั้น -
7:11 - 7:15ให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ในระยะยาวได้อย่างไร -
7:15 - 7:19พูดให้ชัดขึ้นคือ คุณจะรู้ได้ยังไง
ว่าถึงเวลาลงหลักปักฐานแล้ว -
7:19 - 7:22ทีนี้ โดยทั่วไป เราไม่ควรตกลงปลงใจ
-
7:22 - 7:24แต่งงานกับคนแรกที่ผ่านเข้ามา
-
7:24 - 7:27และแสดงความสนใจในตัวคุณ
-
7:27 - 7:30แต่คุณก็ไม่ควรปล่อยเวลาให้เนิ่นนานเกิน
-
7:30 - 7:33ถ้าคุณต้องการเพิ่มโอกาส
ที่จะมีความสุขในระยะยาว -
7:33 - 7:36อย่างที่เจน ออสเต็น
นักเขียนคนโปรดของฉันกล่าวไว้ -
7:36 - 7:38"ผู้หญิงโสดอายุ 27
-
7:38 - 7:42ก็หมดหวังแล้วที่จะรู้สึก
หรือทำให้คนมารักชอบได้อีก" -
7:42 - 7:44(เสียงหัวเราะ)
-
7:44 - 7:47ขอบคุณมาก เจน
คุณรู้อะไรเกี่ยวกับความรักบ้างนะ? -
7:48 - 7:49ทีนี้ คำถามคือ
-
7:49 - 7:52คุณจะรู้ได้ยังไงว่าถึงเวลาที่ควร
ตกลงปลงใจกับใครสักคน -
7:52 - 7:55จากคนทั้งหมด
ที่คุณมีโอกาสคบด้วยตลอดชีวิตนี้ -
7:55 - 7:58โชคดีนะ เรามีหลักคณิตศาสตร์เจ๋งๆ
ที่สามารถเอามาใช้ช่วยเราในกรณีนี้ -
7:58 - 8:01เรียกว่า ทฤษฎีการหยุดที่จุดที่ดีที่สุด
(optimal stoppping theory) -
8:01 - 8:03ลองจินตนาการนะคะ
-
8:03 - 8:05ว่าคุณเริ่มมีแฟนตอนอายุ 15
-
8:05 - 8:09และคุณหวังว่าจะแต่งงานก่อนที่จะอายุ 35
-
8:09 - 8:11ก็จะมีคนจำนวนหนึ่ง
-
8:11 - 8:13ที่คุณคบเป็นแฟนด้วยตลอดชีวิตนี้
-
8:13 - 8:15แล้วแต่ละคนก็ดีมากดีน้อยต่างกัน
-
8:15 - 8:18กติกามีอยู่ว่า
เมื่อคุณตกลงแต่งงานกับใครแล้ว -
8:18 - 8:21คุณไม่สามารถมองไปข้างหน้าว่า
มีใครที่จะเข้ามาอีก -
8:21 - 8:24และคุณก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจ
ย้อนไปหาคนเก่าที่ผ่านมาแล้วได้ -
8:24 - 8:25อย่างน้อยในประสบการณ์ของฉัน
-
8:25 - 8:28ฉันพบว่า คนทั่วไป
ไม่ชอบเป็นตัวสำรองรอถูกเรียก -
8:28 - 8:33หลังจากถูกทิ้งไปหาคนอื่นแล้วตั้งหลายปี
-
8:33 - 8:37คณิตศาสตร์บอกเราว่า สิ่งที่คุณควรทำ
-
8:37 - 8:40กับคน 37 เปอร์เซ็นต์แรกที่เข้ามาจีบ
-
8:40 - 8:44คือปฏิเสธไปให้หมด
อย่าคิดไปแต่งงานด้วย -
8:44 - 8:46(เสียงหัวเราะ)
-
8:46 - 8:49จากนั้น คุณควรเลือกคนต่อไปที่เข้ามาจีบ
-
8:49 - 8:52ที่ดีกว่าทุกคนที่คุณเคยได้เจอมา
-
8:52 - 8:53ลองมาดูตัวอย่างนะคะ
-
8:53 - 8:56เราสามารถพิสูจน์ได้
ด้วยคณิตศาสตร์นะคะ -
8:56 - 8:59ว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้
-
8:59 - 9:03ในการเพิ่มโอกาสสูงสุด
ที่จะได้พบเจอคู่รักที่สมบูรณ์แบบ -
9:03 - 9:08แต่ฉันเสียใจที่ต้องบอกว่า
วิธีนี้ก็มาพร้อมความเสี่ยง -
9:08 - 9:13เช่น ถ้าคู่รักที่สมบูรณ์แบบของคุณ
-
9:13 - 9:16มาปรากฏตัวในกลุ่ม 37 เปอร์เซ็นต์แรก
-
9:16 - 9:19เสียใจด้วยค่ะ คุณต้องปฏิเสธเขาไป
-
9:19 - 9:22(เสียงหัวเราะ)
-
9:22 - 9:24ทีนี้ คิดต่อตามหลักคณิตศาสตร์
-
9:24 - 9:26ทุกคนที่เข้ามาหลังจากนั้น
-
9:26 - 9:28อาจไม่มีใครดีกว่าคนที่คุณเคยได้เจออีกเลย
-
9:28 - 9:32คุณก็ต้องผ่านไป ปฏิเสธทุกคน
แล้วตายอย่างโดดเดี่ยว -
9:32 - 9:34(เสียงหัวเราะ)
-
9:35 - 9:40อาจจะมีฝูงแมวมาแทะซากคุณบ้าง
-
9:40 - 9:43เอาล่ะ ความเสี่ยงอีกอย่างคือ
ลองจินตนาการนะคะ -
9:43 - 9:47ว่าคนที่คุณคบด้วยใน 37 เปอร์เซ็นต์แรกนั้น
-
9:47 - 9:51เป็นคนที่ม น่าเบื่อ และนิสัยแย่มาก
-
9:51 - 9:53แต่ไม่เป็นไร เพราะคุณอยู่ในช่วงการปฏิเสธ
-
9:53 - 9:55ก็ผ่านพวกนี้ไป
-
9:55 - 9:59แต่ลองคิดดูนะคะ
คนต่อไปที่เข้ามา -
9:59 - 10:03อาจจะน่าเบื่อ ทึ่ม และนิสัยแย่
-
10:03 - 10:05น้อยกว่าคนก่อนๆ แค่เล็กน้อย
-
10:05 - 10:09ถ้าคุณทำตามหลักคณิตศาสตร์
ฉันเกรงว่าคุณจะต้องแต่งงานกับเขา -
10:09 - 10:12แล้วลงเอยด้วยความสัมพันธ์ที่
บอกตรงๆ ว่า ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด -
10:12 - 10:13เสียใจด้วยนะ
-
10:13 - 10:16แต่ฉันคิดว่ามันก็มีอะไรดีๆ แฝงอยู่นะ
-
10:16 - 10:19บริษัทผลิตการ์ดฮอลมาร์กจะได้มีตลาดใหม่
-
10:19 - 10:21เป็นการ์ดวาเลนไทน์แบบนี้
(เสียงหัวเราะ) -
10:21 - 10:25"คุณสามีที่รัก คุณคือคนที่แย่น้อยกว่า
-
10:25 - 10:28ผู้ชาย 37 เปอร์เซ็นต์แรกที่ฉันเคยคบนิดนึง"
-
10:28 - 10:33ฟังดูโรแมนติกกว่าที่ปกติฉันเคยพูดนะนี่
-
10:33 - 10:38โอเค วิธีนี้ไม่ได้ให้ผลสำเร็จ
100 เปอร์เซ็นต์ -
10:38 - 10:41แต่ไม่มีกลยุทธ์อื่นใดที่ได้ผลดีกว่านี้
-
10:41 - 10:44และที่จริง ในธรรมชาติก็มีปลาบางชนิด
-
10:44 - 10:48ที่มีพฤติกรรมตามกลยุทธ์นี้เป๊ะๆ เลย
-
10:48 - 10:50คือ ไม่เลือกคู่ที่เจอกันในช่วง
-
10:50 - 10:5337 เปอร์เซ็นต์แรกของฤดูผสมพันธุ์เลย
-
10:53 - 10:57แล้วจึงเลือกปลาตัวต่อไป
ที่เจอกันหลังจากช่วงเวลานั้น -
10:57 - 10:59ที่แบบ ตัวใหญ่กว่า แข็งแรงกว่า
-
10:59 - 11:02ปลาทั้งหมดที่เคยเจอมาก่อนหน้านั้น
-
11:02 - 11:06ฉันเชื่อด้วยว่า ลึกๆ ในจิตใต้สำนึก
มนุษย์เราก็ทำอย่างนี้อยู่แล้ว -
11:06 - 11:10เราให้เวลาตัวเองวิ่งเล่นในท้องทุ่งสักพัก
-
11:10 - 11:13ลองดูตลาดว่าเป็นยังไง อะไรทำนองนั้น
ตอนที่เรายังอายุน้อย -
11:13 - 11:18แล้วจึงเริ่มมองหาตัวเลือก
คนที่จะแต่งงานด้วยอย่างจริงจัง -
11:18 - 11:20ตอนเราอายุยี่สิบกลางๆ ถึงยี่สิบปลายๆ
-
11:20 - 11:23ฉันว่านี่คือข้อพิสูจน์ที่ชัดเจน
ถ้าเรายังต้องการหลักฐานเพิ่ม -
11:23 - 11:27ว่าสมองของคนเราทุกคนถูกสร้างมา
ให้มีความสามารถทางคณิตศาสตร์อยู่บ้างแล้ว -
11:28 - 11:29โอเค นั้นคือเคล็ดลับสุดเด็ดข้อที่สอง
-
11:29 - 11:33ทีนี้ มาข้อที่สาม
เราจะหลีกเลี่ยงการหย่าร้างอย่างไร -
11:33 - 11:36โอเค สมมุติว่า
คุณเลือกคู่ที่สมบูรณ์แบบแล้ว -
11:36 - 11:41และคุณก็ลงหลักปักฐาน
ในความสัมพันธ์ตลอดชีวิตกับเขา -
11:41 - 11:45ทีนี้ ฉันเชื่อว่าทุกคนคงไม่อยากหย่าร้าง
-
11:45 - 11:49เว้นแต่ ไม่รู้สิ
อย่างภรรยาของเพียร์ส มอร์แกน มั้ง -
11:50 - 11:52แต่มันน่าเศร้า
ที่ข้อเท็จจริงของชีวิตสมัยใหม่คือ -
11:52 - 11:56การแต่งงานครึ่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา
จบลงด้วยการหย่าร้าง -
11:56 - 12:00ประเทศอื่นๆ ในโลกก็ไม่ได้ต่างกันกันมากนัก
-
12:00 - 12:02ทีนี้ คุณไม่ผิดเลยถ้าคิดว่า
-
12:02 - 12:05การโต้แย้งที่เกิดก่อนการแยกทาง
-
12:05 - 12:09ไม่ใช่สิ่งที่จะศึกษาด้วยคณิตศาสตร์ได้
-
12:09 - 12:11ประการแรก เพราะมันยากมาก
-
12:11 - 12:14ที่จะกำหนดว่าควรวัดอะไร
-
12:14 - 12:20แต่นั่นไม่ได้หยุดนักจิตวิทยาชื่อ
จอห์น ก็อตแมน ซึ่งทำสิ่งที่ว่ายากๆ นั้นเลย -
12:20 - 12:26ก็อตแมนสังเกตคู่สมรสร้อยๆ คู่สนทนากัน
-
12:26 - 12:28แล้วบันทึกทุกอย่างที่คุณจะนึกออก
-
12:28 - 12:31เขาบันทึกว่าทั้งคู่พูดอะไรในการสนทนา
-
12:31 - 12:33วัดระดับการนำไฟฟ้าของผิวหนัง
-
12:33 - 12:35บันทึกการแสดงออกทางสีหน้า
-
12:35 - 12:37อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต
-
12:37 - 12:43ทุกอย่างเลยจริงๆ ยกเว้นเรื่องที่ว่า
ตกลงภรรยาถูกเสมอจริงหรือเปล่า -
12:43 - 12:46ซึ่งบังเอิญภรรยาถูกเสมออยู่แล้วค่ะ
-
12:46 - 12:49แต่สิ่งที่ก็อตแมนกับทีมของเขาพบคือ
-
12:49 - 12:52ตัวแปรที่สำคัญที่สุดที่ทำนายได้
-
12:52 - 12:54ว่าคู่สมรสจะหย่าร้างกันไหม
-
12:54 - 12:59คือ แต่ละฝ่ายแสดงพฤติกรรมทางบวกหรือทางลบ
มากหรือน้อยในการสนทนา -
12:59 - 13:02คู่สมรสที่มีความเสี่ยงหย่าร้างต่ำ
-
13:02 - 13:06มีคะแนนพฤติกรรมทางบวกมากกว่าทางลบ
บนมาตรวัดของก็อตแมน -
13:06 - 13:08ขณะที่ความสัมพันธ์ที่ไม่ดี
-
13:08 - 13:11คือคู่ที่กำลังจะหย่าร้าง
-
13:11 - 13:15เขาพบว่าการสนทนาจะเป็นวงจรทางลบ
ที่แย่ลงเรื่อยๆ -
13:15 - 13:18จากแนวคิดที่เรียบง่ายสุดๆ นี้
-
13:18 - 13:20ก็อตแมนและทีมวิจัยสามารถทำนาย
-
13:20 - 13:23ว่าคู่สมรสคู่ไหนจะหย่าร้าง
-
13:23 - 13:26ด้วยความแม่นยำ 90 เปอร์เซ็นต์
-
13:26 - 13:29แต่เมื่อเขาร่วมงานกับนักคณิตศาสตร์
ชื่อเจมส์ เมอร์เรย์ -
13:29 - 13:31พวกเขาก็เริ่มเข้าใจอย่างถ่องแท้มากขึ้น
-
13:31 - 13:36ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เกิดวงจรทางลบ
และมันเกิดขึ้นได้อย่างไร -
13:36 - 13:37ผลที่เขาพบ
-
13:37 - 13:42ซึ่งฉันว่ามันน่าสนใจและเรียบง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ
-
13:42 - 13:46สมการเหล่านี้ ทำนายได้ว่าภรรยาและสามี
-
13:46 - 13:48จะตอบสนองอย่างไรต่อไปในการสนทนา
-
13:48 - 13:50มีลักษณะเป็นบวกหรือลบมากแค่ไหน
-
13:50 - 13:52และสมการนี้ มันขึ้นอยู่กับ
-
13:52 - 13:54อารมณ์ปกติของแต่ละคนเมื่ออยู่คนเดียว
-
13:54 - 13:57อารมณ์ของแต่ละคนเมื่อเขาอยู่กับคู่รัก
-
13:57 - 13:59แต่ที่สำคัญที่สุด มันขึ้นอยู่กับว่า
-
13:59 - 14:02สามีกับภรรยามีอิทธิพลต่อกันและกันมากแค่ไหน
-
14:02 - 14:05ฉันคิดว่าจุดนี้สำคัญที่ต้องบอก
ณ เวทีนี้เลยว่า -
14:05 - 14:08สมการเดียวกันนี้เอง
สามารถเอาไปใช้ -
14:08 - 14:10อธิบายได้อย่างดีเยี่ยมเลย
-
14:10 - 14:14ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองประเทศ
ที่แข่งขันกันสะสมอาวุธ -
14:14 - 14:16(เสียงหัวเราะ)
-
14:18 - 14:22ดังนั้น คู่สมรสที่กำลังโต้เถียง
ดิ่งลงสู่วงจรทางลบ -
14:22 - 14:24และตกอยู่ในภาวะหมิ่นเหม่ที่จะหย่าร้าง
-
14:24 - 14:28มีแบบแผนทางคณิตศาสตร์
เหมือนการเริ่มต้นสงครามนิวเคลียร์ -
14:28 - 14:31(เสียงหัวเราะ)
-
14:31 - 14:33แต่ตัวแปรที่สำคัญจริงๆ ในสมการนี้คือ
-
14:33 - 14:36อิทธิพลที่ทั้งสองฝ่ายมีต่อกัน
-
14:36 - 14:39พูดให้เจาะจงลงไปคือ สิ่งที่เรียกว่า
ขีดจำกัดความอดทนต่อเรื่องทางลบ -
14:39 - 14:41ขีดจำกัดความอดทนต่อเรื่องทางลบนี้
-
14:41 - 14:45ก็คือสามีจะทำตัวน่ารำคาญได้มากแค่ไหน
-
14:45 - 14:49ก่อนที่ภรรยาจะเริ่มหงุดหงิด
หรือในทางกลับกัน -
14:49 - 14:54ฉันเองเคยคิดว่าชีวิตแต่งงานที่ดี
ต้องประนีประนอมและเข้าใจกัน -
14:54 - 14:57และยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งมีพื้นที่
เป็นตัวของตัวเอง -
14:57 - 15:01ฉันเลยคิดว่า ความสัมพันธ์
ที่ประสบความสำเร็จที่สุดนั้น -
15:01 - 15:04คือความสัมพันธ์ที่ทั้งสองฝ่าย
มีขีดจำกัดความอดทนต่อเรื่องทางลบสูง -
15:04 - 15:06คู่สมรสต่างปล่อยเรื่องไม่พอใจผ่านไป
-
15:06 - 15:08จะพูดออกมาก็เฉพาะเรื่องใหญ่ๆ เท่านั้น
-
15:08 - 15:12แต่ที่จริงแล้ว คณิตศาสตร์และ
ข้อค้นพบจากทีมวิจัยของก็อตแมน -
15:12 - 15:15แสดงว่าความจริงกลับเป็นตรงกันข้าม
-
15:15 - 15:18คู่สมรสที่ดีที่สุด
หรือประสบความสำเร็จในชีวิตคู่มากที่สุด -
15:18 - 15:22คือคู่ที่มีขีดจำกัดความอดทน
ต่อเรื่องทางลบต่ำ -
15:22 - 15:25ที่ไม่ปล่อยให้ปัญหาอะไรเล็ดลอดสายตา
-
15:25 - 15:28และเปิดโอกาสให้ต่างฝ่ายต่างได้บ่น
-
15:28 - 15:34เป็นคู่ที่พยายามซ่อมแซมความสัมพันธ์
ของตนเองอย่างต่อเนื่อง -
15:34 - 15:36มีมุมมองทางบวกต่อชีวิตสมรสของตน
-
15:36 - 15:39คู่สมรสที่ไม่ปล่อยอะไรผ่านไป
-
15:39 - 15:44ไม่ปล่อยให้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ
กลายเป็นเรื่องใหญ่โต -
15:44 - 15:50ทีนี้ แน่ละ มันต้องมีอะไรมากกว่า
การมีขีดจำกัดความอดทนต่อเรื่องทางลบต่ำ -
15:50 - 15:54และการไม่ประนีประนอม
ที่ทำให้มีความสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จ -
15:54 - 15:57แต่ฉันคิดว่ามันน่าสนใจมาก
-
15:57 - 15:59ที่รู้ว่าจริงๆ มันมีหลักฐานทางคณิตศาสตร์
-
15:59 - 16:02ที่บอกว่า คุณไม่ควรปล่อย
ความโกรธให้คงอยู่ข้ามคืน -
16:02 - 16:04นั่นคือเคล็ดลับเด็ดสุดสามข้อของฉัน
-
16:04 - 16:07ว่าคณิตศาสตร์สามารถช่วยคุณในเรื่อง
ความรักและความสัมพันธ์ได้อย่างไร -
16:07 - 16:10แต่ฉันหวังว่า นอกจากประโยชน์
ในฐานะเคล็ดลับแล้ว -
16:10 - 16:14มันคงช่วยให้คุณเข้าใจพลังของคณิตศาสตร์
มากขึ้นอีกนิดหนึ่ง -
16:14 - 16:18เพราะสำหรับฉัน สมการและสัญลักษณ์
ไม่ใช่แค่สิ่งของ -
16:18 - 16:23มันคือเสียงที่เล่าเรื่อง
ความรุ่มรวยอันน่าเหลือเชื่อของธรรมชาติ -
16:23 - 16:25และความเรียบง่ายอย่างน่าทึ่ง
-
16:25 - 16:29ในแบบแผนที่บิด หมุน โค้งงอ
และค่อยๆ พัฒนาขึ้นรอบตัวเรา -
16:29 - 16:32จากวิถีของโลก และพฤติกรรมของเรา
-
16:32 - 16:34ฉันจึงหวังว่า บางที
สำหรับพวกคุณบางคน -
16:34 - 16:37ความเข้าใจที่ลึกซึ้งเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้จาก
คณิตศาสตร์แห่งความรักนี้ -
16:37 - 16:40คงสามารถโน้มน้าวให้คุณ
รักคณิตศาสตร์มากขึ้นอีกสักนิด -
16:40 - 16:42ขอบคุณค่ะ
-
16:42 - 16:44(เสียงปรบมือ)
- Title:
- คณิตศาสตร์แห่งรัก
- Speaker:
- ฮันนาห์ ฟราย (Hannah Fry)
- Description:
-
การหาคู่ที่ใช่ไม่ใช่เรื่องกล้วยๆ -- แต่มันเป็นเหมือนคณิตศาสตร์เสียด้วยซ้ำ ในการบรรยายที่มีเสน่ห์นี้ นักคณิตศาสตร์ ฮันนาห์ ฟราย แสดงรูปแบบว่าเรามองหารักอย่างไร และให้สามสุดยอดเคล็ดลับ (ที่ได้รับการพิสูจน์โดยคณิตศาสตร์!) สำหรับการหาคนพิเศษคนนั้น
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 16:56
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The mathematics of love | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The mathematics of love | ||
Thipnapa Huansuriya approved Thai subtitles for The mathematics of love | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for The mathematics of love | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for The mathematics of love | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for The mathematics of love | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut accepted Thai subtitles for The mathematics of love | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for The mathematics of love |