-
มีความตึงเครียดจากภายในในด้านการออกแบบ
-
ในด้านหนึ่ง คุณก็อยากได้เสียงตอบรับ
จากคนอื่นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
-
แต่ในอีกด้านหนึ่ง...
-
คุณได้เรียนรู้วิธีประดิษฐ์ต้นแบบอย่างรวดเร็วโดย
การใช้เอกสาร
-
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องวิธี
ทดสอบต้นแบบกับผู้ใช้อย่างรวดเร็ว
-
คุณลองนึกดูว่า
-
จะเป็นไปได้ไหมที่เราจะสร้างแอปพลิเคชั่น
ที่ตอบสนองกับผู้ใช้ได้ โดยที่ไม่ต้องเขียนโค้ดเยอะ
-
แล้วได้เสียงตอบรับเกี่ยวกับแอปพลิเคชั่นนั้น
อย่างรวดเร็ว
-
ผมคิดว่าสิ่งนี้เป็นฝันที่ทรงพลัง เหมือนกับ
สิ่งที่โดโรธีเรียนรู้ในหนังเรื่อง "พ่อมดแห่งออซ"
-
ความฝันสามารถมีพลังอำนาจ และในบางครั้ง
พวกมันยังสามารถกลายเป็นความจริง
-
มีสิ่งอื่นที่โดโรธีได้เรียนรู้
และเราจะนำมันมาใช้ในเล็กเชอร์นี้
-
ถ้าคุณเคยดูหนังเรื่อง "พ่อมดแห่งออซ"
คุณจะรู้ว่า
-
เมื่อโดโรธีและเพื่อนๆ ของเธอเดินทางมาถึง
เมืองมรกต
-
พวกเขาเห็นพ่อมดยักษ์ที่น่ากลัวมากๆ
ทำให้พวกเขาอกสั่นขวัญหาย
-
แต่ในที่สุดแล้ว พวกเขาก็เรียนรู้ว่าพ่อมดเป็นแค่
ผู้ชายตัวเล็กที่อยู่หลังม่าน
-
และการที่ผู้ชายตัวเล็กที่อยู่หลังม่านคนนั้น
สามารถแสดงตัวได้อย่างเหมือนจริงและตระการตา
-
ถึงขนาดที่ ผู้มาเยือนเมืองมรกตรู้สึกว่า
ทุกอย่างดูจริง และรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่ง
-
นั่นคือสิ่งที่เราจะสร้างขึ้นมาด้วย
เทคนิคประดิษฐ์ต้นแบบในวีดีโอนี้
-
ความคิดของการประดิษฐ์ต้นแบบตาม "พ่อมดแห่งออซ" ก็คือ
-
การจำลองพฤติกรรมตอบสนองกับเครื่อง
และการทำงานของเครื่อง
-
โดยการให้คนควบคุม จับการดึงคันโยก
ข้างหลังฉาก
-
ถ้าคุณอยากจะรู้ว่าสิ่งนี้จะเหมือนจริงได้ขนาดไหน
-
ให้ไปดูเพื่อนของเราจากเรื่อง "ไซน์เฟลด์" กับแอปพลิเคชั่น
ที่ชื่อว่า "มูฟวี่โฟน"
-
เป็นแอปที่จะหาว่ามีหนังฉายที่ไหนและเมื่อไหร่บ้าง
-
สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่มูฟวี่โฟน
-
ถ้าคุณรู้ชื่อหนังที่คุณอยากดู กด 1
-
เร็วสิๆ
-
กรุณากดตัวอักษรสามตัวแรกของชื่อหนัง โดยใช้แป้นหมายเลข
-
[เสียงกดโทรศัพท์]
-
คุณเลือก "เอเจ่นต์ซีโร่" ถ้าชื่อถูกต้อง กด 1
-
อะไรนะ
-
เอ่อ
-
จอร์จคิดว่าเขากำลังโทรไปหาแอปพลิเคชั่นอัตโนมัติ
ที่ชื่อว่ามูฟวี่โฟน
-
แต่ที่จริงแล้ว เป็นเครเมอร์เองที่เล่นเป็นพ่อมดอยู่หลังม่าน
-
แล้วมีพฤติกรรมเหมือนกับว่าเขาเป็นคอมพิวเตอร์
-
พูดตามตรง เขาทำไม่เก่งเลย และผมคิดว่า
พวกคุณทุกคนก็คงทำได้ดีกว่าเขา
-
เทคนิคพ่อมดแห่งออซเริ่มด้วยการใช้
โปรแกรมติดต่อผู้ใช้ ผ่านเสียงพูด
-
นิยามของคำว่า "พ่อมดแห่งออซ" ถูกนิยามขึ้นโดยเจฟ เคลลี่
ในปริญญานิพนธ์ระดับปริญญาเอกของเขา ประมาณปี 1980
-
และที่ทำงานของเจฟที่ ม. จอห์น ฮอปกินส์
-
ก็มีความคล้ายคลึงกับพ่อมดแห่งออซ
มากเกินกว่าที่คุณจะนึกได้
-
นอกจากจะมีกระจกทางเดียวสองสามบานแล้วก็
ของเทือกนั้นแล้ว ยังมีม่านจริงๆ
-
ที่กั้นพ่อมดเจฟฟ์ ออกจากผู้ร่วมโครงการที่กำลังใช้
ส่วนติดต่อผู้ใช้ผ่านคำพูดอยู่
-
และต้นแบบพ่อมดแห่งออซเหล่านี้มีความสำคัญมาก
ในการเข้าใจว่า
-
ส่วนติดต่อผู้ใช้ผ่านคำพูดที่มีประสิทธิภาพนั้นจะเป็นอย่างไร
เพราะในขณะนั้น อัลกอริธึมจดจำยังไม่ดีมาก
-
แต่พวกเรารู้ว่ามันจะต้องดีขึ้น
-
และเจฟฟ์ได้ถามคำถามที่สำคัญมากข้อหนึ่งคือ
-
ถ้าเราสามารถทำให้การจดจำพัฒนาขึ้นจนอยู่ในระดับ
ที่ถือว่ามีประสิทธิภาพ การตอบสนองกับผู้ใช้จะเป็นยังไง
-
และยุทธศาสตร์อะไรที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
-
พ่อมดแห่งออซทำให้เจฟฟ์สามารถเดินทางข้ามเวลา
-
ไปยังอนาคตที่เทคโนโลยีจดจำเสียงพูด
ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
-
เพื่อพยายามเข้าใจว่าประสบการณ์ของผู้ใช้
ในแง่นั้นจะเป็นอย่างไร
-
โดยทั่วไปแล้ว ต้นแบบพ่อมดแห่งออซประกอบด้วย
ชิ้นส่วนสองชิ้น
-
ส่วนที่หนึ่ง คุณมีส่วนติดต่อผู้ใช้บางอย่าง
ที่คุณส่งมอบให้กับผู้ใช้
-
ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนกับส่วนติดต่อผู้ใช้
แม้ว่ามันจะเป็นแค่แบบร่าง หรือคำพูดที่ถูกกำหนดขึ้นเอง
-
และในขณะเดียวกัน ก็ไม่มีโค้ด หรือมีโค้ดน้อยมาก
ที่ทำงานเบื้องหลัง
-
โค้ดและการตอบสนองที่ถูกสร้างขึ้น
เป็นภาพลวงตาที่มาจากมนุษย์
-
บางครั้งก็มีส่วนติดต่อผู้ใช้อย่างที่พ่อมดมี
-
ที่เอามารวมกันเพื่อพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นได้
-
และในความเป็นจริงแล้ว ในปี 2000 ผมกับเพื่อนร่วมงาน
ที่ ม. เบิร์กลีย์ สร้างระบบที่ชื่อว่า สเวด
-
ที่ช่วยทำให้การทดสอบพ่อมดแห่งออซและ
ส่วนติดต่อผู้ใช้ผ่านคำพูดเป็นไปโดยอัตโนมัติ
-
ต้นแบบพ่อมดแห่งออซมีเหตุผลเมื่อมันเร็วกว่า ถูกกว่า
และง่ายกว่า ที่จะสร้างของจริง
-
และนี่ยิ่งเป็นความจริง เมื่อคุณมีส่วนติดต่อ
ที่อิงจากการจดจำ
-
หรือการทำระบบที่ออกแบบมาให้ผู้ใช้แต่ละคนโดยเฉพาะ
-
ข้อแลกเปลี่ยนระหว่างราคาถูกกว่า ใช้เวลาน้อยกว่า
หรือง่ายกว่า ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณ
-
จะมีบางอย่างที่คุณรู้ว่าจะทำยังไง
ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และจากนั้นคุณก็สามารถ
นำมันมาใช้ได้เลย
-
และยังมีสิ่งอื่นที่อาจจะยากกว่า
หรือกินเวลามากกว่าสำหรับคุณ
-
สิ่งเหล่านั้นทำให้คุณเลือกวิธีพ่อมดแห่งออซ
-
ต้นแบบพ่อมดแห่งออซ เหมือนกับต้นแบบอื่นๆ
มีทั้งแบบแม่นยำสูง หรือแม่นยำต่ำ
-
และยังมีการแลกข้ดดีข้อเสียที่สำคัญอื่นๆ อีก
-
ยิ่งต้นแบบมีความแม่นยำสูง ความรู้สึกก็ยิ่ง
เหมือนจริงกับผู้ใช้
-
ความเป็นจริง บางครั้งคุณสามารถสร้างส่วนติดต่อผู้ใช้
ทีแม้แต่คนก็ไม่รู้ว่ามีพ่อมดคอยจัดการอยู่
-
เหมือนกับในเรื่องเล่าอันโด่งดังของหุ่นยนต์เทิร์ก
ที่อาศัยอยู่ในเครื่องเล่นหมากรุก
-
อย่างไรก็ตาม การสร้างส่วนติดต่อผู้ใช้แบบแม่นยำสูง
จะกินเวลามาก
-
และผู้ใช้อาจจะไม่อยากวิจารณ์
ส่วนติดต่อผู้ใช้ ที่มีความแม่นยำสูงมาก
-
ดังนั้น ในตอนแรก ผมแนะนำให้ใช้ต้นแบบลวกๆ
ในเอกสาร เป็นวิธีที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด
-
ในการทดสอบพ่อมดแห่งออซ
-
เพราะผู้ใช้จะรู้สึกว่าพวกเขาสามารถให้เสียงตอบรับ
กับคุณยังไงก็ได้
-
เพราะเห็นได้ชัดว่า คุณยังไม่ได้ใช้เวลาไปกับมันมากนัก
-
และคุณสร้างมันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คุณจึงยังไม่ได้
ให้เวลากับมันมาก
-
เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา เพื่อนของผม เซป แคมวาร์
ก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่าอาร์ดวาร์คขึ้น
-
ซึ่งเป็นบริษัททำโซเชียลเซิร์ชเอนจิน
-
เป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คเพื่อหาคำตอบจากคนอื่นๆ
ได้ดีมาก
-
การทำงานของมันคือ ให้คุณถามคำถามผ่าน
ข้อความในทันทีทันใด อย่างเช่นกูเกิลแชท
-
แล้วมันจะถูกส่งต่อไปให้เพื่อนของคุณโดยอัตโนมัติ
และส่งไปยังเพื่อนของเพื่อนต่อไปอีก
-
ไปยังคนที่มีความเชี่ยวชาญพอที่จะตอบคำถามนั้นได้
-
ส่วนที่ยากส่วนหนึ่งเกี่ยวกับการสร้างระบบบริการแบบนี้คือ
คุณจะทำการส่งต่อคำถามอย่างไร
-
ในที่สุดคุณก็คิดอัลกอริธึมที่จะทำสิ่งนี้ออก
แต่การจะเริ่มใช้มัน
-
ทั้งเพื่อหาว่าจะต้องสร้างอัลกอริธีมไหนดี
-
และเพื่อรับฟังประสบการณ์ของผู้ใช้
ก่อนที่จะเริ่มสร้างอย่างจริงๆ จังๆ
-
พวกเขามีต้นแบบพ่อมดแห่งออซอยู่อันหนึ่ง
-
ดังนั้นวิธีที่ได้ผลคือพนักงานของอาร์ดวาร์ค
จะเอาคำถามมา
-
แล้วพวกเขาจะเลือกคนที่จะส่งข่าวไปให้ด้วยตนเอง
-
เดมอน ฮอโรวิทซ์ ผู้ร่วมก่อตั้งอาร์ดวาร์ค
ใช้วิธีนี้ในการประชุม
-
เขาบอกว่า "ถ้าคนชอบมันในรูปแบบที่ห่วยโคตรๆ อย่างนี้
มันก็คุ้มค่าที่จะสร้าง
-
เพราะพวกเขาจะชอบมันยิ่งกว่าเดิม เมื่อพวกเราสร้างมันจริงๆ
-
ดังนั้น คุณอยากจะเป็นเหมือนเครเมอร์ หรืออาร์ดวาร์ค
คุณจะสร้างต้นแบบที่มีพ่อมดอยู่เบื้องหลังได้อย่างไร
-
นี่คือแบบคร่าวๆ ของสิ่งที่คุณต้องทำ
ในห้าขั้นตอนง่ายๆ
-
หนึ่ง คิดว่าสถานการณ์อะไร ที่คุณจะทำการสนับสนุน
-
เป็นเรื่องง่ายกว่ามากที่จะสร้างต้นแบบพ่อมดแห่งออซ
โดยที่ต้นแบบมีฟังค์ชั่นการใช้งานจำกัด
-
ผมชอบต้นแบบพ่อมดแห่งออซ
-
เพราะมันบังคับให้คุณหาว่าควรจะเกิดอะไรชึ้น
ในสถานการณ์ที่พฤติกรรมของมนุษย์เป็นผู้ตอบสนอง
-
จากนั้น ก็สร้างโครงร่างของส่วนติดต่อผู้ใช้ขึ้นมา
-
สิ่งที่ผู้ใช้กลุ่มสุดท้ายจะได้เห็น
-
สาม ถ้าคุณต้องการ คุณสามารถจะสร้าง "ตะขอเกี่ยว"
เพื่อให้พ่อมดใส่คำสั่งเข้าไป ถ้าคุณจะเป็นพ่อมดจากระยะไกล
-
หรือถ้าพวกเขาต้องการควบคุมฟังค์ชั่นการใช้งาน
จากหลังม่าน
-
สี่ ในส่วนนี้
-
คุณจะต้องหาว่าคำสั่งแบบไหน
ที่พ่อมดจะใส่ลงไปได้
-
พวกเขาจะเลือกจากเมนูในการตั้งค่า
ตอบสนองโดยที่ไม่ต้องทำอะไร อ่านตัวหนังสืออกมา
-
คุณจะสร้างแผนผังการตัดสินใจที่ควบคุมพฤติกรรม
ให้กับพวกเขามั้ย
-
หรือคุณจะปล่อยให้เป็นไปอย่างอิสระ
-
ถ้าคุณมีต้นแบบเอกสาร บทบาทของพวกเขา
จะค่อนข้างเป็นแบบคิดเองทำเอง
-
การเพิ่มวิดเจ็ท และเลื่อนสไลเดอร์
ทำให้ส่วนติดต่อผู้ใช้เคลื่อนต่อไปได้
-
เมื่อคุณทำอย่างนี้ เป็นเรื่องสำคัญที่จะจะไว้ว่า
-
ท้ายที่สุดแล้ว ฟังค์ชั่นการใช้งานที่คุณควบคุมอยู่ในตอนนี้
จะถูกแทนที่ด้วยคอมพิวเตอร์
-
และเมื่อมาถึงตรงนั้น คุณจะต้องสร้าง
ซอฟท์แวร์ที่จะทำให้มันทำงานได้
-
และนั่นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันเป็นเรื่องง่ายที่จะสร้าง
ของเก๊ที่ไม่มีทางเป็นไปได้ขึ้นมา
-
และข้อสุดท้าย เหมือนกับต้นแบบใดๆ ที่คุณจะนำไป
ทดสอบกับคน
-
ให้ลองทดสอบกับเพื่อน หรือผู้ร่วมงาน
เพื่อให้ชินกับการทำตัวเป็นพ่อมด
-
ซึ่งเป็นการตอบสนองในรูปแบบที่แตกต่างจากที่คุณเคยเจอมาก
-
นอกจากนี้ ให้หาว่าสถานการณ์อะไรที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
คำแนะนำอะไรที่คุณคิดว่าต้องบอกคนอื่น
-
เอาบั๊กที่แก้ง่ายๆ ออกไปจากส่วนติดต่อผู้ใช้
ก่อนจะนำมันไปทดสอบกับผู้ใช้จริงๆ
-
และตอนนี้ คุณจะพร้อมที่จะควบคุมส่วนติดต่อผู้ใช้แล้ว
และขอย้ำอีกทีว่า คุณควรจะลองทดสอบกับเพื่อนก่อน
-
เมื่อคุณจัดการเอาส่วนเสียที่เห็นได้ชัดออกไป
และจัดการให้ ส่วนประกอบต่างๆ พร้อมได้แล้ว
-
ก็ถึงเวลาที่จะเกณฑ์คนมาทดสอบต้นแบบของคุณ
-
คุณสามารถไปยังสถานที่อย่าง สถานีรถไฟ
สนามบิน หัวมุมถนนในเมือง หรือร้านกาแฟ
-
เป็นวิธีเข้าหาคนที่อาจจะใช้ระบบของคุณ
-
ในต้นแบบพ่อมดแห่งออซ มีสองบทบาทด้วยกัน
-
มีคนจัดการ ที่จะคุยกับผู้ใช้
-
และก็มีพ่อมด ที่จะทำการควบคุมต้นแบบ
-
ถ้าคุณสามารถหาคนได้เป็นทีม ก็เป็นประโยชน์
ทีจะให้คนหนึ่งมีแค่บทบาทเดียว
-
ส่วนหนึ่งก็เพราะว่า ในหัวของคุณจะเต็มไปด้วย
สิ่งที่คุณต้องทำ
-
และถ้าคุณแยกบทบาทพวกนี้ออกจากกัน คนแต่ละคน
ก็สามารถตั้งสมาธิได้มากขึ้น เพื่อจะได้ทำงานได้ดีขึ้น
-
และคุณยังตาสองคู่ดูว่าคนกำลังทำอะไรอยู่
ทำให้คุณเรียนรู้ได้มากขึ้น
-
แต่คุณสามารถทำทั้งหมดด้วยตัวเองได้ถ้าคุณต้องทำ
คนๆ เดียว อาจจะรับสองบทบาทก็ได้
-
ถ้าคุณพยายามที่จะโน้มน้าวใครบ้างคนให้เชื่อว่า
นี่เป็นระบบจริงๆ
-
คุณจะต้องการให้พ่อมดของคุณ ซ่อนตัวอยู่
หรืออยู่ห่างไกลออกไป อย่างเช่นที่อาร์ดวาร์ค
-
และคิดว่าคุณอยากได้เสียงตอบรับอย่างไรจากผู้ใช้
-
มีบางอย่างที่เราจะเรียนอีกหลายครั้ง
ตลอดคอร์สนี้
-
ในตอนนี้ ให้คิดไปก่อนว่าคุณอยากจะได้
เสียงตอบรับดังๆ ที่ออกมาจากใจ
-
ซึ่งเกิดขึ้น เมื่อคนที่กำลังใช้ต้นแบบ
-
ถูกบอกให้พูดดังๆ เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากำลังคิดอยู่ในตอนนั้น
สิ่งที่พวกเขาตัดสินใจและเหตุผล
-
อะไรที่ทำให้พวกเขาสับสน เมื่อพวกเขาต้องต่อสู้กับ
สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
-
นโยบายคิดแล้วพูดดังๆ นี้ ดีสำหรับการเก็บข้อมูล
ที่คุณอาจจะไม่สามารถรู้ หรือเรียนได้
-
อย่างไรก็ตาม อย่างที่คุณก็คงคิด การคิดดังๆ
สามารถเปลี่ยนวิธีที่คนตอบสนองกับต้นแบบได้
-
ดังนั้น ถ้าการคิดดังๆ มันเบี่ยงเบนผลมากเกินไป
คุณสามารถถามคนเมื่อสิ้นสุดการวิจัยได้
-
ว่าอะไรที่แวบเข้ามาในหัว และพวกเขากำลังคิดอะไรในตอนนั้น
-
นั่นเรียกว่าการเข้าหาเพื่อสอบถามย้อนหลัง
-
ถ้าคุณอยากทำ คุณสามารถแม้แต่จะให้พวกเขาดู
วีดีโอตอนที่พวกเขากำลังใจระบบ