เชอริล แซนด์เบิร์ก: สาเหตุที่เรามีผู้นำที่เป็นผู้หญิงน้อยเกินไป
-
0:00 - 0:02สำหรับเราทุกคนในห้องนี้
-
0:02 - 0:05มาเริ่มจากการยอมรับว่าเราโชคดีกันเถอะค่ะ
-
0:05 - 0:07เราไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลก
-
0:07 - 0:09ที่แม่ของเราอยู่ หรือโลกที่ยายของเราอยู่
-
0:09 - 0:12โลกที่ผู้หญิงมีทางเลือกในอาชีพการงานจำกัดมาก
-
0:12 - 0:14และถ้าคุณอยู่ในห้องนี้ วันนี้
-
0:14 - 0:16พวกเราส่วนใหญ่ก็เติบโตขึ้นมาในโลก
-
0:16 - 0:19ที่เรามีสิทธิพลเมืองขั้นพื้นฐาน
-
0:19 - 0:21ที่น่าแปลกใจคือ เรายังอยู่ในโลก
-
0:21 - 0:23ที่ผู้หญิงบางคนไม่มีสิทธิเหล่านั้น
-
0:23 - 0:25แต่ถ้าไม่นับเรื่องทั้งหมดนี้ เราก็มีปัญหาอยู่ดี
-
0:25 - 0:27และมันก็เป็นปัญหาจริงๆ
-
0:27 - 0:29ปัญหาก็คือ
-
0:29 - 0:31ผู้หญิงไปไม่ถึง
-
0:31 - 0:33จุดสูงสุดของอาชีพอะไรก็ตาม
-
0:33 - 0:35ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตามในโลก
-
0:35 - 0:37สถิติบอกเราชัดเจนค่ะเรื่องนี้
-
0:37 - 0:39ในบรรดาผู้นำประเทศ 190 ประเทศ
-
0:39 - 0:41มีเพียง 9 คนที่เป็นผู้หญิง
-
0:41 - 0:43ในบรรดาสมาชิกสภาทั้งหมดในโลก
-
0:43 - 0:45เพียงร้อยละ 13 เป็นผู้หญิง
-
0:45 - 0:47ในภาคธุรกิจ
-
0:47 - 0:49ผู้หญิงในตำแหน่งสูงสุด
-
0:49 - 0:51ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือกรรมการบริษัท
-
0:51 - 0:54อย่างมากก็มีแค่ร้อยละ 15, 16 เท่านั้น
-
0:54 - 0:56ตัวเลขนี้ไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ปี 2002
-
0:56 - 0:59และกำลังลดลงด้วยซ้ำ
-
0:59 - 1:01แม้แต่ในภาคไม่แสวงกำไร
-
1:01 - 1:03ซึ่งเป็นโลกที่บางครั้งเราคิดว่า
-
1:03 - 1:05ผู้หญิงเป็นผู้นำมากกว่าผู้ชาย
-
1:05 - 1:07ก็มีผู้นำที่เป็นผู้หญิงเพียงร้อยละ 20
-
1:07 - 1:09นอกจากนี้ยังมีอีกปัญหาหนึ่ง
-
1:09 - 1:12นั่นคือ ผู้หญิงเผชิญกับทางเลือกที่ยากกว่าผู้ชาย
-
1:12 - 1:15ระหว่างความสำเร็จในอาชีพการงาน กับการเติมเต็มชีวิตส่วนตัว
-
1:15 - 1:17งานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ในสหรัฐอเมริกา
-
1:17 - 1:20พบว่าในบรรดาผู้จัดการที่แต่งงานแล้ว
-
1:20 - 1:23ผู้จัดการที่เป็นผู้ชายจำนวนสองในสามมีลูก
-
1:23 - 1:26ผู้จัดการหญิงเพียงหนึ่งในสามมีลูก
-
1:26 - 1:28เมื่อสองปีก่อน ฉันอยู่ที่นิวยอร์ก
-
1:28 - 1:30กำลังนำเสนอดีลธุรกิจ
-
1:30 - 1:32ฉันไปที่สำนักงานบริษัทร่วมลงทุนแห่งหนึ่งที่ดูโก้หรู
-
1:32 - 1:34คุณคงนึกออกนะคะ
-
1:34 - 1:37ฉันอยู่ในที่ประชุม -- มันเป็นประชุมยาวสามชั่วโมง
-
1:37 - 1:40พอผ่านไปสองชั่วโมง ทุกคนก็ต้องไปเข้าห้องน้ำ
-
1:40 - 1:42ทุกคนก็เลยลุกขึ้นยืน
-
1:42 - 1:44ทีนี้นักการเงินในห้องที่ดำเนินการประชุม
-
1:44 - 1:46เริ่มทำหน้าเจื่อนๆ
-
1:46 - 1:48ฉันก็เลยตระหนักว่าเขาไม่รู้
-
1:48 - 1:50ว่าห้องน้ำผู้หญิงในสำนักงานตัวเองอยู่ตรงไหน
-
1:50 - 1:52ฉันก็เลยเริ่มมองหากล่องใหญ่ๆ ที่ใช้แพ็คของ
-
1:52 - 1:55เพราะนึกว่าพวกเขาเพิ่งย้ายเข้าสำนักงานใหม่ แต่ไม่เห็นกล่องอะไร
-
1:55 - 1:58ก็เลยถามว่า "พวกคุณเพิ่งย้ายมาที่นี่เหรอคะ?"
-
1:58 - 2:01เขาตอบว่า "เปล่าครับ เราอยู่มาปีนึงแล้ว"
-
2:01 - 2:04ฉันก็เลยบอกว่า "คุณกำลังจะบอกว่า
-
2:04 - 2:06ฉันเป็นผู้หญิงคนเดียว
-
2:06 - 2:09ที่มานำเสนอดีลที่นี่ ตลอดปีที่ผ่านมา?"
-
2:09 - 2:11เขามองหน้าฉันแล้วพูดว่า
-
2:11 - 2:14"ใช่ครับ หรือบางทีคุณอาจเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ต้องไปเข้าห้องน้ำ"
-
2:14 - 2:16(เสียงหัวเราะ)
-
2:16 - 2:18ฉะนั้นคำถามคือ
-
2:18 - 2:21เราจะแก้สถานการณ์นี้ได้อย่างไร?
-
2:21 - 2:24เราจะเปลี่ยนสถิติผู้หญิงที่เป็นผู้นำได้อย่างไร?
-
2:24 - 2:27ทำอะไรได้บ้างที่ต่างจากเดิม?
-
2:27 - 2:29ฉันอยากจะเริ่มด้วยการบอกว่า
-
2:29 - 2:31ฉันพูดเรื่องนี้ --
-
2:31 - 2:33เรื่องการทำให้ผู้หญิงไม่ออกจากงาน --
-
2:33 - 2:35เพราะฉันคิดว่ามันคือคำตอบจริงๆ
-
2:35 - 2:37แรงงานทั้งระบบของเรา ส่วนที่มีรายได้สูง
-
2:37 - 2:40ในบรรดาคนที่ไปถึงจุดสูงสุด --
-
2:40 - 2:42ซีอีโอของบริษัทที่อยู่ในลิสต์ 500 ของฟอร์จูน
-
2:42 - 2:45หรือเทียบเท่าในอุตสาหกรรมอื่น --
-
2:45 - 2:47ฉันเชื่อมั่นว่า ปัญหาคือ
-
2:47 - 2:49ผู้หญิงกำลังออกไปจากระบบ
-
2:49 - 2:51หลายคนพูดเรื่องนี้บ่อยมาก
-
2:51 - 2:53พวกเขาพูดเรื่องเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นและการมีโค้ช
-
2:53 - 2:56และโครงการต่างๆ ที่บริษัทควรมีเพื่ออบรมผู้หญิง
-
2:56 - 2:58วันนี้ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องพวกนั้นนะคะ
-
2:58 - 3:00ถึงแม้ว่าทั้งหมดนั้นจะสำคัญมาก
-
3:00 - 3:03วันนี้ฉันอยากจะเน้นเรื่องที่เราทุกคนทำได้ในฐานะปัจเจก
-
3:03 - 3:06อะไรคือสารที่เราต้องบอกตัวเราเอง?
-
3:06 - 3:09อะไรคือสารที่เราต้องบอกผู้หญิงที่ทำงานกับเรา และทำงานให้เรา?
-
3:09 - 3:11อะไรคือสารที่เราควรบอกลูกสาวของเรา?
-
3:11 - 3:13ฉันอยากจะเกริ่นให้ชัดก่อนว่า
-
3:13 - 3:16สุนทรพจน์ของฉันวันนี้ไม่ได้มาพร้อมกับคำตัดสินใดๆ
-
3:16 - 3:18ฉันไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง
-
3:18 - 3:20ไม่มีแม้แต่กับตัวเอง
-
3:20 - 3:23วันจันทร์ฉันเดินทางออกจากซานฟรานซิสโก เมืองที่ฉันอยู่
-
3:23 - 3:25กำลังจะขึ้นเครื่องบินมาที่งานสัมมนานี้
-
3:25 - 3:28ลูกสาววัย 3 ขวบของฉัน ตอนที่ฉันไปส่งเธอที่โรงเรียนเตรียมอนุบาล
-
3:28 - 3:30โยเยเหมือนเด็กทั่วไป กอดขาฉันแน่น
-
3:30 - 3:32ร้องไห้งอแง "แม่จ๋า อย่าไปขึ้นเครื่องบินนะ"
-
3:32 - 3:35ดังนั้นนี่เป็นเรื่องยาก บางครั้งฉันก็รู้สึกผิดนะคะ
-
3:35 - 3:37ฉันไม่รู้จักผู้หญิงคนไหนเลย
-
3:37 - 3:39ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน หรือทำงาน
-
3:39 - 3:41ที่ไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเป็นบางครั้ง
-
3:41 - 3:44ดังนั้น ฉันจึงไม่ได้จะบอกว่า การทำงาน
-
3:44 - 3:46คือสิ่งที่ถูกต้องสำหรับทุกคน
-
3:46 - 3:49วันนี้ฉันแค่อยากจะบอกว่า สารหลักคืออะไร
-
3:49 - 3:51ถ้าคุณอยากทำงานต่อไป
-
3:51 - 3:53ฉันคิดว่ามีสามข้อ
-
3:53 - 3:56ข้อหนึ่ง นั่งที่โต๊ะ
-
3:56 - 3:59ข้อสอง ทำให้คู่สมรสของคุณเป็นคู่หูจริงๆ
-
3:59 - 4:03และข้อสาม -- ดูนั่นสิคะ -- อย่าออกจนกว่าคุณจะออก
-
4:03 - 4:05โอเค ข้อหนึ่ง การนั่งที่โต๊ะ
-
4:05 - 4:07สองสัปดาห์ก่อนที่เฟซบุ๊ก
-
4:07 - 4:10เราเป็นเจ้าภาพต้อนรับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงมากคนหนึ่ง
-
4:10 - 4:12เขาเดินทางมาพบปะสนทนากับผู้บริหารระดับสูง
-
4:12 - 4:15จากทั่วทั้งซิลิคอนวัลเลย์
-
4:15 - 4:17ทุกคนนั่งอยู่รอบโต๊ะ
-
4:17 - 4:20ทีนี้เจ้าหน้าที่รัฐคนนี้เดินทางมาพร้อมกับผู้หญิงสองคน
-
4:20 - 4:22ซึ่งมีตำแหน่งค่อนข้างอาวุโสในฝ่ายของเขา
-
4:22 - 4:25ฉันบอกพวกเธอว่า "นั่งที่โต๊ะเลยค่ะ เอาเลย นั่งที่โต๊ะ"
-
4:25 - 4:28แต่พวกเธอเลือกนั่งริมผนังห้อง
-
4:28 - 4:30ตอนที่ฉันอยู่ปีสี่ สมัยเรียนปริญญาตรี
-
4:30 - 4:33ฉันลงวิชานึงชื่อ ประวัติศาสตร์ทางปัญญาของยุโรป
-
4:33 - 4:35คุณคิดถึงเรื่องแบบนี้สมัยเรียนกันไหมคะ
-
4:35 - 4:37ฉันอยากกลับไปเรียนวิชานั้นใหม่
-
4:37 - 4:39ฉันเรียนพร้อมกับแคร์รี่ รูมเมทของฉัน
-
4:39 - 4:41ซึ่งตอนนั้นเป็นนักเรียนที่เก่งวรรณกรรมและหัวไวมาก --
-
4:41 - 4:43ตอนนี้เธอกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณกรรมแล้ว --
-
4:43 - 4:45เรียนพร้อมกับน้องชายของฉัน --
-
4:45 - 4:47ซึ่งก็เป็นคนฉลาด แต่เอกวิชาเตรียมแพทย์และเล่นโปโลน้ำไปด้วย
-
4:47 - 4:49น้องฉันอยู่ปีสอง
-
4:49 - 4:51พวกเราสามคนลงเรียนวิชานี้พร้อมกัน
-
4:51 - 4:53แคร์รี่อ่านหนังสือทุกเล่ม
-
4:53 - 4:55ในภาษากรีกและละตินดั้งเดิม --
-
4:55 - 4:57ไปฟังเลกเชอร์ทุกคาบ --
-
4:57 - 4:59ส่วนฉันอ่านหนังสือทั้งหมดในภาษาอังกฤษ
-
4:59 - 5:01และไปฟังเลกเชอร์ส่วนใหญ่
-
5:01 - 5:03น้องชายของฉันค่อนข้างยุ่ง
-
5:03 - 5:05เลยอ่านหนังสือ 1 เล่ม จาก 12 เล่ม
-
5:05 - 5:07ไปฟังเลกเชอร์ครั้งสองครั้ง
-
5:07 - 5:09เดินดุ่มมาที่ห้องของเรา
-
5:09 - 5:12สองวันก่อนสอบปลายภาค ให้เราติวให้
-
5:12 - 5:15เราสามคนไปที่ห้องสอบพร้อมกัน นั่งลงสอบ
-
5:15 - 5:17นั่งแช่อยู่ตรงนั้นเป็นเวลาสามชั่วโมง --
-
5:17 - 5:20กับสมุดข้อสอบสีฟ้า -- ใช่ค่ะ ฉันอายุมากขนาดนั้น
-
5:20 - 5:23พอจบแล้วเราก็เดินออกมา มองหน้ากันแล้วถามว่า "เป็นไงมั่ง?"
-
5:23 - 5:26แคร์รี่ตอบว่า "โหย ฉันรู้สึกว่าไม่ได้ดึงเอาประเด็นหลัก
-
5:26 - 5:28ในวิภาษวิธีของเฮเกล"
-
5:28 - 5:31ฉันตอบว่า "พระเจ้า ฉันเสียดายที่ไม่ได้เชื่อมโยง
-
5:31 - 5:34ทฤษฎีกรรมสิทธิ์ของ จอห์น ล็อค เข้ากับนักปรัชญารุ่นหลัง"
-
5:34 - 5:36เสร็จแล้วน้องชายฉันก็บอกว่า
-
5:36 - 5:39"ฉันได้คะแนนดีที่สุดในห้องเลย"
-
5:40 - 5:42"เธอเนี่ยนะ ได้คะแนนดีที่สุดในห้อง?
-
5:42 - 5:45เธอไม่รู้อะไรเลย"
-
5:45 - 5:47ปัญหาของเรื่องเหล่านี้คือ
-
5:47 - 5:50มันบอกเราแบบเดียวกับที่สถิติบอก
-
5:50 - 5:53นั่นคือ ผู้หญิงมักจะประเมินความสามารถของตัวเองต่ำเกินไป
-
5:53 - 5:55ถ้าคุณทดสอบผู้ชายและผู้หญิง
-
5:55 - 5:58และถามพวกเขาโดยใช้เกณฑ์ที่เป็นภววิสัยล้วนๆ อย่างเช่นเกรดเฉลี่ย
-
5:58 - 6:00ผู้ชายจะตอบสูงเกินจริงไปเล็กน้อย
-
6:00 - 6:03ผู้หญิงจะตอบต่ำเกินจริงไปเล็กน้อย
-
6:03 - 6:06ผู้หญิงไม่เจรจาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเวลาทำงาน
-
6:06 - 6:08งานวิจัยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
-
6:08 - 6:10ศึกษาคนที่ไปทำงานหลังจบปริญญาตรี
-
6:10 - 6:13พบว่าเด็กผู้ชายร้อยละ 57 --
-
6:13 - 6:15เรียกว่าผู้ใหญ่ได้แล้วมั๊ง --
-
6:15 - 6:17ต่อรองเงินเดือนแรกเข้าของพวกเขา
-
6:17 - 6:20ขณะที่มีผู้หญิงเพียงร้อยละ 7 ที่ต่อรอง
-
6:20 - 6:22ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ
-
6:22 - 6:25ผู้ชายบอกว่าความสำเร็จของพวกเขามาจากตัวเอง
-
6:25 - 6:28แต่ผู้หญิงบอกว่ามันมาจากปัจจัยภายนอก
-
6:28 - 6:30ถ้าคุณถามผู้ชายว่าทำไมพวกเขาถึงทำงานได้ดี
-
6:30 - 6:33คำตอบคือ "ก็เพราะผมเจ๋งน่ะสิ
-
6:33 - 6:36เรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องถาม"
-
6:36 - 6:38ถ้าคุณถามผู้หญิงว่าทำไมพวกเธอถึงทำงานได้ดี
-
6:38 - 6:40พวกเธอจะตอบว่า เพราะมีคนอื่นช่วย
-
6:40 - 6:42โชคดี หรือเพราะเธอทำงานหนักมาก
-
6:42 - 6:44ประเด็นนี้สำคัญยังไง?
-
6:44 - 6:46โห มันสำคัญมากเลยค่ะ
-
6:46 - 6:49เพราะไม่มีใครหรอกที่ไต่เต้าจนมีห้องทำงานส่วนตัว
-
6:49 - 6:51ด้วยการนั่งติดผนัง ไม่ได้นั่งที่โต๊ะประชุม
-
6:51 - 6:53และไม่มีใครหรอกที่จะได้เลื่อนขั้น
-
6:53 - 6:56ถ้าเขาไม่คิดว่าเขาคู่ควรกับความสำเร็จ
-
6:56 - 6:59หรือกระทั่งไม่เข้าใจความสำเร็จของตัวเอง
-
6:59 - 7:01ฉันหวังว่าคำตอบจะง่าย
-
7:01 - 7:03ฉันหวังว่าฉันจะเดินไปบอกหญิงสาวทุกคนที่ฉันทำงานด้วยกัน
-
7:03 - 7:05ผู้หญิงแสนวิเศษเหล่านั้น
-
7:05 - 7:07ว่า "จงเชื่อมั่นในตัวเองและต่อรองเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง
-
7:07 - 7:09เป็นเจ้าของความสำเร็จของตัวเธอเอง"
-
7:09 - 7:12ฉันหวังว่าฉันจะบอกลูกสาวอย่างนี้ได้
-
7:12 - 7:14แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นเลย
-
7:14 - 7:17เพราะสิ่งที่ข้อมูลแสดงให้เห็นเหนือสิ่งอื่นใด
-
7:17 - 7:19คือ ความสำเร็จและการได้รับความชื่นชอบ
-
7:19 - 7:22มีความสัมพันธ์เชิงบวกสำหรับผู้ชาย
-
7:22 - 7:24และความสัมพันธ์เชิงลบสำหรับผู้หญิง
-
7:24 - 7:26พวกคุณทุกคนกำลังพยักหน้า
-
7:26 - 7:28เพราะเราทุกคนรู้ว่านี่คือเรื่องจริง
-
7:28 - 7:31มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่แสดงเรื่องนี้ได้ดีมาก
-
7:31 - 7:33เป็นงานวิจัยที่มีชื่อเสียงของคณะบริหารธุรกิจฮาร์วาร์ด
-
7:33 - 7:35ศึกษาชีวิตของผู้หญิงคือ ไฮดี โรยเซน
-
7:35 - 7:37เธอทำงานเป็นพนักงานรับโทรศัพท์ของบริษัท
-
7:37 - 7:39ในซิลิคอนวัลเลย์
-
7:39 - 7:41เธอใช้เครือข่ายคนรู้จักที่มี
-
7:41 - 7:44ก่อร่างสร้างตัวจนเป็นนักลงทุนร่วมลงทุนที่ประสบความสำเร็จมาก
-
7:44 - 7:46ในปี 2002 เมื่อไม่นานนี้เอง
-
7:46 - 7:48อาจารย์คนหนึ่งที่ตอนนั้นอยู่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย
-
7:48 - 7:51เอาเรื่องของ ไฮดี โรยเซน มาทำเป็นกรณีศึกษา
-
7:51 - 7:53เขาให้นักศึกษาอ่านสองเวอร์ชันของกรณีศึกษา
-
7:53 - 7:55ให้นักศึกษาสองกลุ่ม
-
7:55 - 7:57เขาเปลี่ยนแค่คำคำเดียว
-
7:57 - 7:59เปลี่ยนจาก ไฮดี เป็น ฮาวเวิร์ด
-
7:59 - 8:02แต่คำคำเดียวนี้แหละที่ทำให้ปฏิกิริยาแตกต่างมาก
-
8:02 - 8:04เขาสำรวจความเห็นของนักศึกษา
-
8:04 - 8:07และข่าวดีก็คือนักศึกษาทั้งชายและหญิง
-
8:07 - 8:09คิดว่าไฮดีกับฮาวเวิร์ดมีความสามารถเท่ากัน
-
8:09 - 8:11ซึ่งก็เป็นเรื่องดี
-
8:11 - 8:13ข่าวร้ายคือทุกคนชอบฮาวเวิร์ด
-
8:13 - 8:15เขาเป็นคนที่เจ๋งมาก คุณอยากไปทำงานให้เขา
-
8:15 - 8:17อยากไปตกปลากับเขา
-
8:17 - 8:19แต่ไฮดีล่ะ? นักศึกษาไม่แน่ใจ
-
8:19 - 8:22เธอดูเห็นแก่ตัว ค่อนข้างจะเล่นการเมือง
-
8:22 - 8:25คุณไม่แน่ใจว่าจะอยากทำงานให้เธอหรือเปล่า
-
8:25 - 8:27นี่คือปมที่ซับซ้อน
-
8:27 - 8:29เราจะต้องบอกลูกสาวของเราและเพื่อนร่วมงานของเรา
-
8:29 - 8:31เราต้องบอกตัวเองให้เชื่อว่า เรามีความสามารถ
-
8:31 - 8:33ที่จะเอื้อมถึงการเลื่อนขั้น
-
8:33 - 8:35ที่จะนั่งที่โต๊ะ
-
8:35 - 8:37และเราต้องทำสิ่งเหล่านี้ในโลก
-
8:37 - 8:40ที่ผู้หญิงมีสิ่งที่ต้องเสียสละสำหรับสิ่งเหล่านั้น
-
8:40 - 8:43ถึงแม้ว่าน้องชายหรือพี่ชายของเธอไม่มีอะไรต้องเสียสละ
-
8:44 - 8:47ประเด็นที่เศร้าที่สุดของเรื่องทั้งหมดนี้คือ ยากมากที่เราจะจำได้
-
8:47 - 8:50ฉันอยากจะเล่าเรื่องเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้ฉันรู้สึกอับอายมาก
-
8:50 - 8:52แต่ฉันคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ
-
8:52 - 8:55ฉันกล่าวสุนทรพจน์ที่เฟซบุ๊กเมื่อไม่นานมานี้
-
8:55 - 8:57ต่อหน้าพนักงานประมาณหนึ่งร้อยคน
-
8:57 - 9:00สองชั่วโมงถัดมา มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ทำงานให้เฟซบุ๊ก
-
9:00 - 9:02มานั่งรอหน้าโต๊ะตัวเล็กๆ ของฉัน
-
9:02 - 9:04เธออยากคุยกับฉัน
-
9:04 - 9:06ฉันบอกว่า โอเค เธอก็เลยนั่งลง เราคุยกัน
-
9:06 - 9:08เธอบอกว่า "วันนี้ฉันได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง
-
9:08 - 9:10ได้เรียนรู้ว่าฉันต้องยกมือค้างไว้"
-
9:10 - 9:12ฉันตอบว่า "แปลว่าอะไรเหรอคะ?"
-
9:12 - 9:14เธอบอกว่า "คือ คุณกำลังกล่าวสุนทรพจน์
-
9:14 - 9:16แล้วคุณบอกว่า คุณจะรับคำถามอีกสองข้อจากผู้ฟัง
-
9:16 - 9:19ฉันยกมือขึ้นพร้อมกับคนอีกเยอะเลย แล้วคุณก็ตอบคำถามอีกสองข้อ
-
9:19 - 9:22แล้วฉันก็ลดมือลง สังเกตว่าผู้หญิงทั้งหมดลดมือลง
-
9:22 - 9:24เสร็จแล้วคุณก็ตอบคำถามต่อ
-
9:24 - 9:26จากผู้ชายเท่านั้น"
-
9:26 - 9:28และฉันก็คิดในใจว่า
-
9:28 - 9:31โอ้โห ถ้าฉันทำอย่างนั้น -- แน่นอนว่าฉันแคร์กับเรื่องนี้
-
9:31 - 9:33ตอนกล่าวสุนทรพจน์ --
-
9:33 - 9:36ฉันไม่ได้สังเกตเห็นเลย
-
9:36 - 9:39ว่าผู้ชายกำลังยกมืออยู่
-
9:39 - 9:41หรือผู้หญิงกำลังยกมืออยู่
-
9:41 - 9:43เราเก่งแค่ไหนกัน
-
9:43 - 9:45ในฐานะผู้จัดการของบริษัทและองค์กร
-
9:45 - 9:47ในการมองเห็นว่าผู้ชายกำลังเอื้อมมือไขว่คว้าหาโอกาส
-
9:47 - 9:49มากกว่าผู้หญิง?
-
9:49 - 9:52เราจะต้องทำให้ผู้หญิงมานั่งที่โต๊ะ
-
9:52 - 9:55(เสียงปรบมือ)
-
9:55 - 9:57สารข้อสองคือ
-
9:57 - 9:59ทำให้คู่สมรสของคุณเป็นคู่หูจริงๆ
-
9:59 - 10:02ฉันเชื่อมั่นว่าเรามีความก้าวหน้าในชีวิตการทำงานของเรา
-
10:02 - 10:04มากกว่าชีวิตครอบครัว
-
10:04 - 10:07ข้อมูลแสดงเรื่องนี้อย่างชัดเจน
-
10:07 - 10:09ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งกับผู้ชายคนหนึ่งต่างทำงานเต็มเวลา
-
10:09 - 10:11และมีลูก
-
10:11 - 10:14ผู้หญิงจะทำงานบ้านมากกว่าผู้ชายสองเท่า
-
10:14 - 10:16และจะดูแลลูกมากกว่าผู้ชาย
-
10:16 - 10:19กว่าสามเท่า
-
10:19 - 10:21ดังนั้น เธอจึงทำงานสามงาน หรือสองงาน
-
10:21 - 10:23ขณะที่เขาทำงานงานเดียว
-
10:23 - 10:26ใครที่คุณคิดว่าจะเลิกทำงาน เวลาที่ใครสักคนต้องอยู่บ้านมากขึ้น
-
10:26 - 10:28สาเหตุของปรากฏการณ์นี้ซับซ้อนมากๆ
-
10:28 - 10:30และฉันก็ไม่มีเวลาอธิบาย
-
10:30 - 10:32แต่ฉันไม่คิดว่า การดูฟุตบอลวันอาทิตย์
-
10:32 - 10:34กับความเกียจคร้านทั่วไปคือสาเหตุ
-
10:34 - 10:36ฉันคิดว่าสาเหตุซับซ้อนกว่านั้น
-
10:36 - 10:38ฉันคิดว่า สังคมของเรา
-
10:38 - 10:40กดดันให้เด็กผู้ชายประสบความสำเร็จ
-
10:40 - 10:42มากกว่ากดดันเด็กผู้หญิง
-
10:42 - 10:44ฉันรู้จักผู้ชายที่อยู่บ้านเลี้ยงลูก
-
10:44 - 10:46ทำงานที่บ้านเพื่อสนับสนุนภรรยาที่มีอาชีพการงาน
-
10:46 - 10:48ยากสำหรับพวกเขา
-
10:48 - 10:50เวลาที่ฉันไปร้านขายของสำหรับแม่และเด็ก
-
10:50 - 10:52และมีพ่ออยู่ตรงนั้น
-
10:52 - 10:54ฉันสังเกตว่าแม่คนอื่นๆ
-
10:54 - 10:56ไม่เล่นกับเขา
-
10:56 - 10:58และนั่นคือปัญหา
-
10:58 - 11:01เพราะเราต้องทำให้มันเป็นงานสำคัญ --
-
11:01 - 11:04เพราะการทำงานที่บ้านนั้น เป็นงานที่ยากที่สุดในโลก
-
11:04 - 11:06สำหรับคนทั้งสองเพศ
-
11:06 - 11:09ถ้าเราจะทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน และให้ผู้หญิงทำงานต่อไปได้
-
11:09 - 11:11(เสียงปรบมือ)
-
11:11 - 11:13งานวิจัยพบว่า ครอบครัวที่สองคนมีรายได้พอๆ กัน
-
11:13 - 11:15และมีความรับผิดชอบเท่าๆ กัน
-
11:15 - 11:17มีอัตราการหย่าร้างต่ำกว่าปกติสองเท่า
-
11:17 - 11:20และถ้านั่นยังไม่ใช่แรงจูงใจที่ดีพอสำหรับทุกคนนะคะ
-
11:20 - 11:22ก็มีอีกข้อหนึ่ง --
-
11:22 - 11:24อืม ฉันจะพูดเรื่องนี้บนเวทีนี้ยังไงดี --
-
11:24 - 11:27คู่สมรสจะเรียนรู้ซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิดแบบในคัมภีร์ไบเบิลด้วย
-
11:27 - 11:29(เสียงโห่ร้อง)
-
11:29 - 11:31สารข้อสามคือ
-
11:31 - 11:33อย่าออกจนกว่าคุณจะออก
-
11:33 - 11:35ฉันคิดว่ามีตลกร้ายที่ลึกซึ้งมากๆ
-
11:35 - 11:37เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่า สิ่งที่ผู้หญิงตัดสินใจทำ --
-
11:37 - 11:39และฉันก็เห็นบ่อยมาก --
-
11:39 - 11:42เวลาที่ตั้งเป้าหมายว่าจะทำงานเต็มเวลาต่อไป
-
11:42 - 11:44กลับกลายเป็นสิ่งที่นำไปสู่การออกจากงานในที่สุด
-
11:44 - 11:46สิ่งที่เกิดขึ้นคืออย่างนี้ค่ะ
-
11:46 - 11:48พวกเราทุกคนล้วนยุ่ง ผู้หญิงก็ยุ่ง
-
11:48 - 11:51เธอเริ่มคิดว่าจะมีลูก
-
11:51 - 11:54และนับตั้งแต่จุดที่เธอเริ่มคิดว่าอยากมีลูก
-
11:54 - 11:56เธอก็จะเริ่มคิดถึงการเผื่อพื้นที่ให้ลูก
-
11:56 - 11:59"ฉันจะยัดเรื่องนี้เข้าไปในทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำอยู่ได้ยังไงกัน"
-
12:00 - 12:02และนับตั้งแต่จุดนั้นจริงๆ
-
12:02 - 12:05เธอก็จะไม่ยกมือขึ้นอีกแล้ว
-
12:05 - 12:08ไม่มองหาการเลื่อนขั้น ไม่รับโครงการใหม่ๆ
-
12:08 - 12:10เธอจะไม่พูดว่า "ฉันอยากทำเรื่องนี้"
-
12:10 - 12:12เธอเริ่มผ่อนฝีเท้า
-
12:12 - 12:14ปัญหาก็คือว่า --
-
12:14 - 12:17สมมติว่าเธอเกิดท้องวันนั้นเลย --
-
12:17 - 12:20ตั้งท้องเก้าเดือน ลาคลอดอีกสามเดือน
-
12:20 - 12:22อีกหกเดือนเพื่อหาเวลาหายใจ --
-
12:22 - 12:24หมุนเวลาไปอีกสองปี
-
12:24 - 12:26สิ่งที่ฉันสังเกตว่าเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
-
12:26 - 12:28คือ ผู้หญิงเริ่มคิดเรื่องนี้เร็วเกินควรมาก --
-
12:28 - 12:30เวลาที่พวกเธอหมั้น หรือแต่งงาน
-
12:30 - 12:33เวลาเริ่มคิดถึงเรื่องมีลูก ซึ่งอาจกินเวลานานมาก
-
12:33 - 12:35ผู้หญิงคนหนึ่งมาปรึกษาฉันเรื่องนี้
-
12:35 - 12:37ฉันจ้องมองเธอ -- ดูอายุยังน้อย
-
12:37 - 12:40ฉันบอกว่า "คุณกับสามีของคุณกำลังคิดว่าจะมีลูกเหรอคะ?"
-
12:40 - 12:43เธอตอบว่า "โอ้ ฉันยังไม่ได้แต่งงานค่ะ"
-
12:43 - 12:45เธอยังไม่มีแฟนเลยด้วยซ้ำ
-
12:45 - 12:47ฉันบอกว่า "คุณกำลังคิดเรื่องนี้
-
12:47 - 12:49เร็วเกินไปมากๆ เลย"
-
12:49 - 12:52แต่ประเด็นก็คือ เกิดอะไรขึ้น
-
12:52 - 12:55เมื่อคุณเริ่มผ่อนฝีเท้าตัวเองอย่างเงียบๆ?
-
12:55 - 12:57ทุกคนที่เคยเจอเรื่องนี้ --
-
12:57 - 13:00และฉันก็อยากบอกว่า เมื่อไรที่คุณมีเด็กอยู่ที่บ้าน
-
13:00 - 13:02งานของคุณก็ควรต้องดีมากจริงๆ ให้คุณไปทำ
-
13:02 - 13:04เพราะมันยากมากที่จะทิ้งเด็กคนนั้นไว้ที่บ้าน --
-
13:04 - 13:06งานของคุณจะต้องท้าทาย
-
13:06 - 13:08และจะต้องคุ้มค่า
-
13:08 - 13:11คุณต้องรู้สึกว่างานที่ทำอยู่นั้นมีความหมาย
-
13:11 - 13:14ถ้าสองปีก่อนหน้านี้คุณปฏิเสธการเลื่อนขั้น
-
13:14 - 13:16และมีผู้ชายที่นั่งติดกันได้เลื่อนขั้น
-
13:16 - 13:18ถ้าสามปีก่อนหน้านี้
-
13:18 - 13:20คุณหยุดมองหาโอกาสใหม่ๆ
-
13:20 - 13:22คุณก็จะเบื่อแน่นอน
-
13:22 - 13:25เพราะตอนโน้นคุณควรจะเหยียบคันเร่ง
-
13:25 - 13:27อย่าออกก่อนที่คุณจะออกค่ะ
-
13:27 - 13:29อยู่กับงาน
-
13:29 - 13:31เหยียบคันเร่งไว้
-
13:31 - 13:33จนถึงวันที่คุณต้องออกจากงานจริงๆ
-
13:33 - 13:35เพื่อไปมีเวลาอยู่กับลูก --
-
13:35 - 13:37ถึงตอนนั้นค่อยตัดสินใจ
-
13:37 - 13:40อย่าตัดสินใจล่วงหน้ามากไป
-
13:40 - 13:43โดยเฉพาะการตัดสินใจที่คุณไม่รู้ตัวว่ากำลังทำ
-
13:44 - 13:46เรื่องที่น่าเศร้าคือ คนรุ่นฉัน
-
13:46 - 13:48ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงสถิติของผู้หญิงที่เป็นผู้นำ
-
13:48 - 13:50เพราะมันไม่ขยับเลย
-
13:50 - 13:53เราไม่มีวันไปถึงจุดที่ประชากรร้อยละ 50
-
13:53 - 13:56คนรุ่นฉันจะไม่มีวันมีคนร้อยละ 50
-
13:56 - 13:58ไปถึงจุดสูงสุดของอุตสาหกรรมไหนเลย
-
13:58 - 14:01แต่ฉันหวังว่าคนรุ่นต่อๆ ไปจะทำได้
-
14:02 - 14:04ฉันคิดว่าโลกที่
-
14:04 - 14:06ประเทศครึ่งหนึ่ง และบริษัทครึ่งหนึ่ง
-
14:06 - 14:09มีผู้หญิงเป็นผู้นำ จะเป็นโลกที่ดีกว่าเดิม
-
14:09 - 14:12ไม่ใช่แค่เพราะคนจะรู้ว่าห้องน้ำผู้หญิงอยู่ตรงไหน
-
14:12 - 14:15ถึงแม้ว่านั่นเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก
-
14:15 - 14:17ฉันคิดว่าจะเป็นโลกที่ดีกว่าเดิม
-
14:17 - 14:19ฉันมีลูกสองคน
-
14:19 - 14:22ลูกชายอายุห้าขวบ และลูกสาวอายุสองขวบ
-
14:22 - 14:24ฉันอยากให้ลูกชายมีทางเลือก
-
14:24 - 14:27ที่จะมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในที่ทำงาน และที่บ้าน
-
14:27 - 14:29และฉันอยากให้ลูกสาวมีทางเลือก
-
14:29 - 14:31ที่จะไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จ
-
14:31 - 14:33แต่ให้คนชื่นชอบเธอที่ประสบความสำเร็จด้วย
-
14:33 - 14:35ขอบคุณค่ะ
-
14:35 - 14:37(เสียงปรบมือ)
- Title:
- เชอริล แซนด์เบิร์ก: สาเหตุที่เรามีผู้นำที่เป็นผู้หญิงน้อยเกินไป
- Speaker:
- Sheryl Sandberg
- Description:
-
เชอริล แซนด์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายปฏิบัติการ (Chief Operating Officer) ของเฟซบุ๊ก ครุ่นคิดว่าเหตุใดถึงมีผู้หญิงที่ไต่เต้าไปถึงจุดสูงสุดของอาชีพตนเองน้อยกว่าผู้ชาย -- และเสนอคำแนะนำที่ทรงพลัง 3 ข้อ สำหรับผู้หญิงที่มุ่งมั่นจะเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 14:37