Return to Video

สุนทรพจน์ของสตีฟ จ๊อบส์ ในงานรับปริญญาของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ปี 2005

  • 0:06 - 0:08
    มหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ด
  • 0:08 - 0:13
    รายการนี้นำเสนอโดย มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
    เยี่ยมชมเราได้ที่ standford.edu
  • 0:15 - 0:22
    (เสียงปรบมือ)
  • 0:22 - 0:23
    ขอบคุณครับ
  • 0:25 - 0:27
    (สตีฟ จ๊อบ - ประธานบริษัท แอปเปิล และ พิกซ่าร์ แอนิเมชั่น)
  • 0:27 - 0:32
    จ๊อบ : ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาอยู่ที่นี่กับคุณ ในวันรับปริญญา ของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
  • 0:32 - 0:35
    (เสียงร้องชื่นชม)
  • 0:36 - 0:46
    ผมขอบอกความจริงอย่างหนึ่ง ผมไม่เคยเรียนจบวิทยาลัย และงานในวันนี้ เป็นสิ่งที่ใกล้เคียง(การจบวิทยาลัยจริงๆ) ที่สุดแล้วของผม
  • 0:46 - 0:48
    (เสียงหัวเราะ)
  • 0:48 - 0:54
    วันนี้ ผมอยากจะเล่าเรื่องราว 3 เรื่องจากชีวิตของผม
    มีเท่านี้เอง ไม่มากมาย แค่สามเรื่อง
  • 0:55 - 0:59
    เรื่องแรกเกี่ยวกับการเชื่อมจุด
  • 1:01 - 1:08
    ผมเลิกเรียนที่ วิทยาลัยรีด หลังจากเรียนไปแค่หกเดือน
    แต่ก็ยังแวะเวียนเข้าไปบ้าง อยู่ประมาณสิบแปดเดือน ก่อนที่จะลาออกอย่างเป็นทางการ
  • 1:09 - 1:11
    ทำไมผมถึงลาออกหน่ะหรอ?
  • 1:12 - 1:14
    เรื่องนี้เริ่มมาก่อนที่ผมจะเกิด
  • 1:15 - 1:21
    แม่แท้ๆ ของผมตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่น เป็นนักศึกษา ยังไม่ได้แต่งงาน
    ท่านตัดสินใจที่จะยกผมให้คนอื่นไปอุปการะ
  • 1:22 - 1:26
    ท่านมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าผมควรจะได้เป็นลูกบุญธรรมของคนที่เรียนจบวิทยาลัย
  • 1:26 - 1:31
    ดังนั้น ชีวิตผมถูกวางแผนไว้ตั้งแต่แรกว่า เมื่อผมเกิด ทนายความและภรรยาจะเป็นผู้รับอุปการะผม
  • 1:32 - 1:37
    แต่เมื่อผมเกิด พวกเขาเกิดเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย ว่าจริง ๆ แล้วพวกเขาต้องการเด็กผู้หญิง
  • 1:38 - 1:42
    ดังนั้น พ่อแม่ของผม (ผู้เลี้ยงดูจ๊อบส์จริงๆ จนเติบใหญ่) ซึ่งอยู่ในรายชื่อลำดับต่อๆ มา (ต่อจากครอบครัวทนาย) ก็ได้รับโทรศัพท์กลางดึก (จากแม่จริงๆ ของจ๊อบส์)
  • 1:43 - 1:49
    แม่แท้ๆ ผมถามว่า "เราก็มีเด็กทารกคนนึงเป็นผู้ชาย พวกคุณอยากอุปการะเขาไหม?" พวกเขา (พ่อแม่ที่รับเลี้ยงดูจ๊อบส์จริง ๆ) จึงตอบว่า "แน่นอน"
  • 1:51 - 1:58
    แม่แท้ ๆ ของผมมาทราบภายหลังว่า แม่ที่รับอุปการะผม ไม่ได้จบวิทยาลัย และและพ่อที่รับอุปการะผมก็ไม่ได้จบแม้แต่ชั้นมัธยม
  • 1:59 - 2:02
    แม่แท้ๆ ของผมจึงปฎิเสธที่จะมอบผมให้พวกเราไปอุปการะ
  • 2:03 - 2:12
    แต่ในที่สุด แม่แท้ๆ ของผมก็ยอมในไม่กี่เดือนต่อมา เมื่อพ่อแม่ของผมสัญญาว่าจะส่งผมไปเรียนวิทยาลัย และนั่นคือจุดเริ่มต้นของชีวิตผม
  • 2:14 - 2:21
    และอีก 17 ปี ต่อมา ผมได้ไปวิทยาลัย แต่ด้วยความไร้เดียงสา ผมเลือกวิทยาลัยแพงเกือบจะเท่ากับสแตนฟอร์ด
  • 2:22 - 2:27
    เงินเก็บทั้งหมดของพ่อแม่ผม ซึ่งเป็นชนชั้นแรงงาน ก็หมดไปกับค่าเล่าเรียน
  • 2:27 - 2:30
    หกเดือนผ่านไป ผมไม่เห็นคุณค่าของการเรียนที่นีเลย
  • 2:30 - 2:36
    ผมไม่รู้ว่าควรทำอะไรกับชีวิต ไม่รู้ว่าวิทยาลัยจะช่วยผมให้รู้ได้ยังไง
  • 2:37 - 2:41
    และที่นั่น ผมได้ใช้เงินทั้งหมดที่พ่อแม่ผมเก็บมาทั้งชีวิต
  • 2:42 - 2:47
    ผมเลยตัดสินใจที่จะลาออก และเชื่อว่ามันน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ใช้ได้
  • 2:47 - 2:52
    ณ ตอนนั้น ผมก็รู้สึกกลัว แต่เมื่อหันกลับไปมองมัน มันกลับเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดของผม
  • 2:53 - 2:54
    (เสียงหัวเราะ)
  • 2:54 - 2:59
    ณ นาทีที่ผมลาออก ผมก็ไม่ต้องเรียนวิชาบังคับที่ผมไม่สนใจ
  • 3:00 - 3:04
    และสามารถเข้าเรียนวิชาที่น่าสนใจกว่า
  • 3:05 - 3:14
    เรื่องราวมันไม่สวยงามเท่าไรหรอก ผมไม่มีห้องในหอพัก ต้องนอนบนพื้นห้องเพื่อน เอาขวดโค้กไปแลกเงิน 5 เซนต์ เพื่อซื้อข้าวกิน
  • 3:14 - 3:21
    และผมต้องเดิน 7 ไมล์ข้ามฝากเมืองทุกๆ วันอาทิตย์ เพื่อไปกินอาหารดีๆ สักมื้อที่วัด ฮาเร กฤษณะ
  • 3:22 - 3:23
    ผมมีความสุขกับมัน
  • 3:24 - 3:30
    และสิ่งที่ผมบังเอิญได้เจอะเจอส่วนใหญ่ เพราะความสงสัยและสัญชาตญาณ กลายเป็นสิ่งที่หาค่ามิได้ในภายหลัง
  • 3:30 - 3:31
    ผมจะยกตัวอย่างให้คุณฟัง:
  • 3:33 - 3:38
    รีด คอเลจช์ ณ เวลานั้นเปิดสอนวิชาศิลปการคัดลายมือ ที่คาดว่าดีที่สุดในประเทศ
  • 3:38 - 3:45
    ทุกๆที่ในตัววิทยาลัย โปสเตอร์ทุกใบ ป้ายบนลิ้นชักทุกอัน ถูกเขียนด้วยลายมือคัดที่สวยงาม
  • 3:45 - 3:52
    เพราะว่าผมลาออกและไม่ต้องเรียนวิชาปกติ ผมตัดสินใจที่จะเข้าเรียนวิชาศิลปคัดลายมือเพื่อที่จะเรียนรู้
  • 3:53 - 3:59
    ผมได้เรียนเกี่ยวกับตัวพิมพ์ทั้งที่มีเส้นเน้นและไม่มี ได้รู้เกี่ยวกับช่องไฟระหว่างกลุ่มตัวอักษรต่างๆ
  • 4:00 - 4:02
    ได้รู้ว่าอะไรที่ทำให้การพิมพ์ออกมาดูดี
  • 4:03 - 4:11
    มันช่างเฉียบคม ทั้งในด้านความงาม ประวัติศาสตร์ และความเป็นศิลป์ ในแบบที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถเข้าถึงได้ ผมคิดว่ามันน่าตื่นตาตื่นใจ
  • 4:12 - 4:16
    ทั้งหมดนี้ไม่น่าจะมาเป็นความหวังให้ไปประยุกต์ให้อะไรกับชีวิตผมในทางปฎิบัติได้
  • 4:17 - 4:23
    แต่แล้วสิบปีต่อมา ตอนที่เราออกแบบเครื่องคอมพิวเตอร์ แมคอินทอร์ช เครื่องแรก สิ่งเหล่านี้ก็กลับมาหาผม
  • 4:23 - 4:29
    เราออกแบบมันทั้งหมดลงไปใน แมค มันเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ที่พิมพ์ออกมาได้สวยงาม
  • 4:29 - 4:32
    ถ้าผมไม่คิดจะไปเข้าเรียนวิชานั้นที่วิทยาลัย
  • 4:32 - 4:37
    เครื่องแมค ก็คงจะไม่มีอักษรหลายรูปแบบที่มีเส้นและขนาดช่องไฟต่างๆกัน
  • 4:37 - 4:42
    และเมื่อวินโดว์เลียนแบบแมค ก็คงไม่แปลกที่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลก็มีมันทุกเครื่อง
  • 4:42 - 4:49
    (เสียงหัวเราะและปรบมือ)
  • 4:50 - 4:54
    ถ้าผมไม่เคยลาออก ผมก็คงไม่ได้ไปเรียนวิชานั้น
  • 4:54 - 4:58
    และคอมพิวเตอร์ทั่วๆไปก็คงไม่ได้พิมพ์ออกมาได้สวยงามอย่างที่มันเป็น
  • 4:58 - 5:02
    แน่หล่ะ มันเป็นไปไม่ได้ที่ตอนผมอยู่ในวิทยาลัย แล้วจะมองเห็นอนาคตแล้วต่อจุดเหล่านี้
  • 5:02 - 5:06
    แต่มันเป็นอะไรที่ชัดเจนมากๆเมื่อเรามองย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน
  • 5:07 - 5:12
    ผมขอย้ำว่า คุณไม่สามารถต่อจุดในอนาคตได้ แค่ได้แค่เชื่อมต่อมันโดยการมองกลับไป
  • 5:12 - 5:16
    ฉะนั้น คุณต้องเชื่อมั่นว่า จุดต่างๆเหล่านี้อย่างไรก็ได้ มันจะมาต่อกันในอนาคตของคุณ
  • 5:16 - 5:21
    ฉะนั้น คุณต้องเชื่อในอะไรสักอย่าง กึ๋น พรหมลิขิต ชีวิต กรรม อะไรก็ตามที
  • 5:21 - 5:27
    เพราะว่าความเชื่อว่าจุดเหล่านั้นมันจะมาต่อกันสักวัน มันจะทำให้คุณมีความเชื่อมั่นที่จะตามเสียงของหัวใจ
  • 5:27 - 5:32
    ถึงแม้ว่ามันจะพาคุณออกไปจากเส้นทางที่คุ้นเคย และนั่นแหละจะสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้น
  • 5:38 - 5:42
    เรื่องที่สองของผมเกี่ยวกับความรักและการสูญเสีย
  • 5:43 - 5:48
    ผมโชคดี ผมพบว่าผมชอบทำอะไรตั้งแต่เนิ่นๆ
  • 5:48 - 5:51
    วอซกับผมตั้งบริษัทแอ๊ปเปิลในโรงรถของพ่อแม่ผมตอนผมอายุ20
  • 5:51 - 5:59
    เราตั้งใจทำงาน และใน10ปี แอปเปิลก็เติบโตตากแค่เราสองคนในโรงรถ กลายเป็น ธุรกิจ 2พันล้าน มีลูกจ้างกว่า 4000 คน
  • 6:00 - 6:05
    ตอนนั้นเราเพิ่งเสนอผลงานที่เยี่ยมที่สุดของเรา แมคอินทอร์ช แค่หนึ่งปีก่อน และผมก็เพิ่งจะอายุ 30
  • 6:06 - 6:07
    และแล้ว ผมก็โดนไล่ออก
  • 6:09 - 6:11
    ผมโดนไล่ออกจากบริษัทที่ผมก่อตั้งได้ยังไงกัน?
  • 6:12 - 6:18
    อืม พอแอปเปิลเติบโต พวกเราก็จ้างคนที่เราคิดว่ามีพรสวรรค์ที่จะบริหารบริษัทกับผม
  • 6:18 - 6:21
    และปีแรกๆมันก็เป็นไปได้ดีอยู่
  • 6:21 - 6:25
    แต่เมื่อวิสัยทัศน์ต่ออนาคตของเราเริ่มที่จะแตกต่าง และในที่สุดเราก็แตกแยก
  • 6:25 - 6:28
    เมื่อมันเกิดขึ้น คณะบริหารของเราอยู่ข้างเขา
  • 6:28 - 6:32
    ฉะนั้นเมื่อผมอายุ30 ผมก็ออกมา อย่างเป็นทางการ
  • 6:33 - 6:37
    สิ่งที่เป็นความตั้งใจในช่วงชีวิตผู้ใหญ่ของผมจากไปซะแล้ว มันเป็นความเสียหายที่ยิ่งใหญ่
  • 6:38 - 6:40
    ผมไม่รู้จริงๆว่าจะทำยังไงอยู่สองสามเดือน
  • 6:41 - 6:47
    ผมรู้สึกว่าผมทำให้นักลงทุนรุ่นก่อนๆผิดหวัง เหมือนกับผมทิ้งไม้ผลัดเมื่อมันถูกส่งผ่านมาให้ผม
  • 6:48 - 6:53
    ผมพบกับ เดวิด แพคคาร์ด และ บ๊อบ นอยส์ และพยายามที่จะขอโทษที่ผมพลาดไม่เป็นท่า
  • 6:54 - 6:58
    ผมเป็นผู้ล้มเหลวในสายตาสาธารณชน ผมเกือบคิดที่จะหนีไปให้พ้นจาก (ซิลิคอน) วาเลย์
  • 6:58 - 7:03
    แต่บางอย่างค่อยๆดึงผมกลับขึ้นมา ผมยังรักในสิ่งที่ผมทำ
  • 7:04 - 7:11
    เหตุพลิกผันที่แอ๊ปเปิลไม่ได้เปลี่ยนสิ่งๆนั้น ผมถูกปฎิเสธ แต่ยังคงรักมันอยู่ดี
  • 7:12 - 7:13
    และผมก็ตัดสินใจ ที่จะเริ่มต้นใหม่
  • 7:14 - 7:20
    ตอนนั้นผมมองไม่เห็น แต่มันกลายเป็นว่า การโดนไล่ออกจากแอปเปิลเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับผม
  • 7:20 - 7:27
    ภาระหนักจากการที่ประสบสำเร็จ ถูกแทนที่โดยความเบาของการเป็นผู้เริ่มต้นอีกครั้ง ไม่มั่นใจในสิ่งใดๆ
  • 7:28 - 7:30
    มันให้อิสระผมที่จะเข้าสู่ช่วงที่มีความคิดสร้างสรรค์มากที่สุดช่วงนึงของชีวิต
  • 7:31 - 7:35
    ตลอดระยะเวลาห้าปีถัดไป ผมตั้งบริษัทชื่อว่า เน็กซ์ และอีกบริษัทชื่อว่า พิกซ่าร์
  • 7:36 - 7:39
    และตกหลุมรักผู้หญิงที่น่าทึ่งคนนึง ซึ่งจะมาเป็นภรรยาของผม
  • 7:39 - 7:48
    พิกซ่าร์ได้สร้างภาพยนต์คอมพิวเตอร์เรื่องแรกของโลก ทอย สเตอรี่ และขณะนี้ เป็นแอนิเมชั่น สตูดิโอที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก
  • 7:48 - 7:49
    (เสียงปรบมือและเชียร์)
  • 7:49 - 7:55
    ณ จุดเปลี่ยนที่สำคัญ แอปเปิลซื้อ เนกส์ และผมก็ได้กลับมายังแอปเปิล
  • 7:55 - 7:59
    และเทคโนโลยี่ที่เราได้พัฒนาที่เนกส์ ก็คือหัวใจสำคัญของยุคฟื้นฟูของแอปเปิลขณะนี้
  • 7:59 - 8:03
    และ ลอร์เรนกับผม ก็มีชีวิตครอบครัวที่มีความสุขด้วยกัน
  • 8:03 - 8:07
    ผมเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้คงจะไม่เกิดขึ้น ถ้าผมไม่ได้ถูกไล่ออกจากแอ๊ปเปิล
  • 8:08 - 8:11
    มันเป็นยาขมรสแย่ แต่ผมเดาว่าคนไข้คงต้องการมัน
  • 8:12 - 8:16
    บางครั้งในชะตาก็เหมือนจะฟาดหัวคุณด้วยก้อนอิฐ
  • 8:16 - 8:21
    อย่าหมดความศัทธา ผมแน่ใจว่าสิ่งเดียวที่ทำให้ผมไม่หยุดยั้ง ก็คือผมรักในสิ่งที่ผมทำ
  • 8:22 - 8:27
    คุณต้องตามหาว่าคุณชอบอะไร และสิ่งนี้เป็นจริงทั้งต่องาน และต่อคนรัก ของคุณ
  • 8:28 - 8:34
    การงานกำลังที่จะเป็นส่วนใหญ่ของชีวิตคุณ และทางเดียวที่มันจะเป็นที่น่าพึงพอใจจริงๆ ก็คือเมื่อคุณทำสิ่งที่เชื่อว่าเป็นงานที่เยี่ยมยอด
  • 8:35 - 8:38
    และทางเดียวที่จะได้งานที่เยี่ยมยอด ก็คือรักในสิ่งที่คุณทำ
  • 8:39 - 8:43
    ถ้าคุณยังไม่พบมัน ตามหาไปเรื่อยๆ อย่าหยุดอยู่กับที่
  • 8:43 - 8:47
    เหมือนทุกสิ่งที่สำคัญต่อหัวใจ คุณจะรู้ก็เมื่อพบมัน
  • 8:47 - 8:52
    และ เหมือนกับความสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ มันก็จะพัฒนาดียิ่งขึ้นไปตามกาลเวลา
  • 8:52 - 8:54
    ฉะนั้นจงตามหามัน อย่าหยุดนิ่ง
  • 8:57 - 9:04
    (เสียงปรบมือ)
  • 9:05 - 9:08
    เรื่องที่สามของผมเกี่ยวกับความตาย
  • 9:09 - 9:12
    ตอนผมอายุ 17 ผมอ่านคำกล่าวนึงที่เป็นประมาณนี้
  • 9:13 - 9:18
    "ถ้าคุณใช้ชีวิตในแต่ละวันเยี่ยงวันสุดท้าย สักวันหนึ่งมันจะมาถึง"
  • 9:18 - 9:20
    (เสียงหัวเราะ)
  • 9:20 - 9:28
    มันให้แรงบันดาลใจกับผม ตั้งแต่นั้นมา ตลอด 33 ปี ผมมองกระจกทุกเช้าแล้วถามตัวเองว่า
  • 9:28 - 9:33
    "ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต ผมอยากจะทำอย่างที่กำลังจะทำวันนี้หรือเปล่า"
  • 9:33 - 9:39
    และเมื่อไรที่คำตอบออกมาว่า "ไม่" ติดๆกันหลายวัน ผมรู้ว่า ผมต้องเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างแล้ว
  • 9:40 - 9:47
    การจดจำไว้ว่าผมจะตายในสักวันเร็วๆนี้ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ผมพบว่ามันช่วยในการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต
  • 9:47 - 9:54
    เพราะว่าเกือบทุกสิ่งทุกอย่าง ความคาดหวังจากภายนอก ความภาคภูมิ ความกลัวต่อความอับอายและความล้มเหลว
  • 9:54 - 10:00
    ทุกสิ่งนี้เพียงแค่ที่จะเลือนหายไปเมื่อต้องเผชิญกับความตาย เหลือไว้แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆ
  • 10:00 - 10:07
    การจดจำได้ว่าคุณกำลังจะตาย เป็นหนทางที่ดีที่สุดที่ผมรู้ ที่จะใช้หลีกเลี่ยงความคิดที่ว่าเรามีอะไรบางอย่างที่ต้องสูญเสีย
  • 10:07 - 10:12
    คุณเปลือยเปล่าอยู่แล้ว มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำตามเสียงหัวใจของคุณ
  • 10:13 - 10:17
    ประมาณปีก่อน ผมได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง
  • 10:18 - 10:23
    ผมไปตรวจตอน 7:30 ตอนเช้า และเป็นที่ชัดเจนว่ามีเนื้องอกในตับอ่อน
  • 10:23 - 10:25
    ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตับอ่อนมันคืออะไร
  • 10:26 - 10:35
    หมอบอกว่า มะเร็งชนิดนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างแน่ใจว่ารักษาไม่ได้ ผมไม่น่าจะอยู่ได้นานกว่าสามถึงหกเดือน
  • 10:35 - 10:43
    หมอแนะนำผมว่าให้กลับบ้าน ไปจัดการเรื่องส่วนตัวต่างๆซะ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าให้เตรียมตัวตาย
  • 10:43 - 10:51
    มันแปลว่าคุณควรพยายามบอกลูกๆทุกอย่างที่คุณคิดว่าจะมีเวลาอีกเป็นสิบปีเพื่อที่จะบอกเขา ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน
  • 10:51 - 10:56
    มันแปลว่า คุณควรที่จะมั่นใจว่าทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เพื่อครอบครัวของคุณจะได้ทำใจ
  • 10:57 - 10:59
    มันแปลว่า คุณควรไปบอกลา
  • 11:01 - 11:03
    ผมจมอยู่กับผลการตรวจนั้นทั้งวัน
  • 11:03 - 11:10
    เย็นวันนั้นผมได้รับการทำ ไบออพซี่ ซึ่งคือการหย่อนกล้องลงไปทางลำคอ ลองกระเพาะอาหาร ลงไปที่ลำไส้เล็กของผม
  • 11:10 - 11:14
    ใส่เข็มเข้าไปในตับอ่อนของผม และเก็บเซลล์จากเนื้องอก
  • 11:15 - 11:23
    ผมรู้สึกผ่อนคลาย แต่ภรรยาของผมที่อยู่ตรงนั้นด้วย บอกผมว่า ตอนที่หมอดูเซลล์ใต้กล้องจุลทรรศน์ หมอก็เริ่มจะร้องไห้
  • 11:23 - 11:28
    เพราะปรากฎว่ามันเป็นมะเร็งตับอ่อนในรูปแบบที่ไม่ได้พบได้บ่อยๆซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด
  • 11:28 - 11:32
    ผมได้รับการผ่าตัด และเป็นที่น่ายินดี ตอนนี้ผมหายดีแล้ว
  • 11:32 - 11:40
    (ปรบมือ)
  • 11:40 - 11:46
    นี้เป็นประสบการณ์ที่ใกล้เคียงความตายมากที่สุด และ ผมหวังว่ามันคงจะไม่มีแบบนี้อีกสักสิบยี่สิบปี
  • 11:46 - 11:54
    เพราะรอดชีวิตผ่านมันมาได้ ผมจึงบอกสิ่งนี้กับคุณได้อย่างมั่นใจขึ้นกว่าตอนที่คิดว่าความตายมีประโยชน์เพียงเพราะมันเป็นแนวคิดที่ดี
  • 11:55 - 12:01
    ไม่มีใครอยากตาย แม้แต่คนที่อยากไปสวรรค์ก็ไม่มีใครอยากตายเพื่อไปสวรรค์
  • 12:01 - 12:07
    แต่ยังไงซะ ความตายก็เป็นปลายทางที่เรามีร่วมกัน ไม่มีใครรอดพ้นมันไปได้
  • 12:07 - 12:14
    และนั่นก็เป็นสิ่งที่มันควรจะเป็น เพราะความตายน่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เยี่ยมที่สุดของชีวิต
  • 12:14 - 12:18
    มันเป็นผู้เปลี่ยนแปลงของชีวิต มันนำชีวิตเก่าออกไปเพื่อให้ทางแกชีวิตใหม่
  • 12:19 - 12:27
    ขณะนี้ ชีวิตใหม่เป็นของพวกคุณ แต่สักวันหนึ่ง ไม่ช้าไม่นานไปจากนี้ คุณจะค่อยๆแก่ตัวและถูกนำออกไป
  • 12:27 - 12:31
    ขออภัยออกจะฟังดูรันทด แต่มันค่อนข้างเป็นจริง
  • 12:32 - 12:37
    เวลาของคุณมีจำกัด ดังนั้นอย่าเสียมันไปโดยใช้ชีวิตที่ไม่เป็นตัวคุณเอง
  • 12:37 - 12:42
    อย่าติดอยู่ในหลักการ ซึ่งมันปะปนอยู่กับผลจากความคิดของคนอื่นๆ
  • 12:42 - 12:46
    อย่าให้เสียงของความคิดของคนอื่นบดบังเสียงจากข้างในตัวคุณ
  • 12:46 - 12:50
    และที่สำคัญที่สุด จงมีความกล้าหาญในการทำตามหัวใจและสัญชาตญาณของคุณ
  • 12:51 - 12:55
    ทั้งสองสิ่งนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ด้ รู้อยู่แล้วว่า จริงๆแล้ว คุณต้องการจะเป็นอะไร
  • 12:55 - 12:58
    ทุกสิ่งอื่นนั้นเป็นรอง
  • 12:59 - 13:09
    (ปรบมือ)
  • 13:09 - 13:17
    เมื่อผมยังเด็ก มีสิ่งพิมพ์ฉบับหนึ่งเรียกว่า เดอร์ โฮล เอิร์ท แคตตาล๊อก ซึ่งเรียกได้ว่าเหมือนคัมภีร์ของยุคผมทีเดียว
  • 13:17 - 13:25
    มันถูกจัดทำโดยเพื่อนของเราที่ชื่อ สจ๊วต แบรนด์ ไม่ไกลจากเมนโลพาร์ก และเขาให้ชีวิตกับมันด้วยกวี
  • 13:25 - 13:34
    นี่เกิดขึ้นในยุคปลายปี 60 ก่อนที่จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและการจัดพิมพ์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ ดังนั้นทั้งหมดทำจากเครื่องพิมพ์ดีด กรรไกร และกล้องโพลารอย
  • 13:34 - 13:44
    มันเป็นเสมือนกับ กูเกิล ในรูปแบบกระดาษ, 35 ปีก่อน ที่จะมีกูเกิล มันสมบูรณ์แบบ เต็มไปด้วยอุปกรณ์และคำอธิบายที่ยอดเยี่ยม
  • 13:45 - 13:48
    สจ๊วตและทีมของเขาจัดทำแคตตาล๊อก นี้ออกมาหลายฉบับ
  • 13:48 - 13:52
    แต่แล้ว เมื่อมันเป็นไปตามกระบวนการ จนมาถึงฉบับสุดท้าย
  • 13:52 - 13:56
    มันกลางทศวรรษที่ 1970 และผมอายุเท่าๆกับพวกคุณ
  • 13:58 - 14:07
    บนปกหลังของฉบับสุดท้ายเป็นภาพถ่ายเช้าตรู่บนทางหลวง แบบที่คุณอาจจะไปยืนโบกรถอยู่ ถ้าคุณเป็นพวกนักผจญภัย
  • 14:08 - 14:16
    ข้างใต้นั้นเป็นคำว่า: "จงหิวกระหาย และโง่เขลา" มันเป็นข้อความอำลาสำหรับการปิดตัวลง
  • 14:16 - 14:22
    จงหิวกระหาย และโง่เขลา ผมหวังให้ผมเป็นเช่นนั้นมาตลอด
  • 14:23 - 14:28
    ตอนนี้ เมื่อพวกคุณจบเพื่อไปเริ่มชีวิตใหม่ ผมของอวยพรให้พวกคุณ
  • 14:28 - 14:31
    จงหิวกระหาย และโง่เขลา
  • 14:31 - 14:32
    ขอบคุณทุกคนมากครับ
  • 14:33 - 14:49
    (ปรบมือ)
  • 14:54 - 14:57
    [มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด - www.stanford.edu]
  • 14:57 - 15:00
    ลิขสิทธิ์ โดย มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
  • 15:00 - 15:03
    โปรดเยี่ยมชมเราที่ standord.edu
Title:
สุนทรพจน์ของสตีฟ จ๊อบส์ ในงานรับปริญญาของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ปี 2005
Video Language:
English
Team:
Captions Requested
Duration:
15:05
  • ขอบคุณค่ะที่มาช่วยแก้ไขคำแปลให้สมบูรณ์ขึ้น เห็นแก้เยอะเลย บางอันยาวเกินไปหน่อย เกรงว่าคนอ่านจะอ่านไม่ทันค่ะ ช่วยพิจารณาทีนะคะ ที่โน้ตอาจแปลไม่ตรงคำพูดทุกคนเพราะอยากให้อ่านง่ายและรักษาโทนการบรรยายเอาไว้น่ะค่ะ ขอบคุณมากที่สละเวลามาช่วยแก้ไขนะคะ โน้ตเองไม่ได้เป็นมืออาชีพอะไร มีอะไรแนะนำติชมมาได้เลยนะคะ :)

  • ขอบคุณที่มาช่วยแก้ไขนะคะ โน้ตอาจใช้คำไม่ตรงนักเพราะต้องการรักษาโทนของผู้พูดและทำให้ข้อความกระชับให้ผู้อ่านอ่านทันน่ะค่ะ ยังไงช่วยชี้แนะติชมด้วยนะคะ เห็นแก้ให้เยอะเลย ยังไงขอบคุณนะคะที่สละเวลาค่ะ

  • ขอบคุณที่มาช่วยแก้ไขนะคะ โน้ตอาจใช้คำไม่ตรงนักเพราะต้องการรักษาโทนของผู้พูดและทำให้ข้อความกระชับให้ผู้อ่านอ่านทันน่ะค่ะ ยังไงช่วยชี้แนะติชมด้วยนะคะ เห็นแก้ให้เยอะเลย ยังไงขอบคุณนะคะที่สละเวลาค่ะ

  • ขอโทษนะคะ ระบบ Amara ทำให้ข้อความขึ้นซ้ำๆกันค่ะ :(

  • ขอบคุณมากๆ ครับ เห็นด้วยว่าข้อความบางช่วงยาวเกินไป ซึ่งเกิดจากความต้องการขยายความให้เข้าใจสรรพนามในบางประโยค แต่พอได้อ่านย้อนอีกรอบ ได้เห็นกระบวนความทีต่อเนื่องกันมา ก็คิดว่าผู้อ่านก็น่าจะเข้าใจได้ ดังนั้น ใน Revision 7 ผมจึงได้ตัดทอนเนื้อความออกไปหลายจุด พร้อมทั้งแก้คำผิดของตัวเองในหลายจุดด้วยเช่นกันครับ :)

  • และในฐานะผู้ชม ขอขอบคุณอย่างสูง สำหรับการริเริ่มแปลคลิปนี้ครับ

Thai subtitles

Revisions Compare revisions