เรามาลองทำสมการ ที่เกี่ยวกับเรื่อง "ค่าสัมบูรณ์" บ้างดีกว่า ก่อนอื่นต้องทบทวนก่อน เวลาเราใส่เครื่องหมาย ค่าสัมบูรณ์ ไปให้ตัวเลข (เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์คือการใส่ l ... l ครอบลงไป) สมมติว่า ใส่ไปให้ เลข -1 สิ่งที่เราต้องทำคือ เราจะคิดว่า "เลขนั้นห่างจากเลข 0 เท่าไหร่" ตอนนี้เรามี -1 , ถ้าลองเขียนเส้นจำนวนดู (เบี้ยวไปหน่อย) ถ้าเราเขียนเส้นจำนวน เลข0อยู่ตรงกลาง เราจะมี -1 อยู่ตรงนี้ จะเห็นได้ว่า ระยะห่างของมันจากเลข 0 คือ 1 หน่วย สรุปได้ว่า ค่าสัมบูรณ์ของ -1 คือ 1 และค่าสัมบูรณ์ของ 1 ก็คือ 1 หน่วยห่างจาก 0 เช่นกัน เพราะฉะนั้น ค่าสัมบูรณ์ของ 1 ก็คือ 1 สรุป ค่าสัมบูรณ์ คือ "ระยะห่าง ว่าเลขตัวนั้นห่างจาก 0 เท่าไหร่" อีกวิธีคิดที่ง่ายกว่าคือ เวลาใส่ค่าสัมบูรณ์ลงไป เลขจะกลายเป็นจำนวนบวกเสมอ ดังนั้น ค่าสัมบูรณ์ของ -7346 = 7346 เรามาลองทำอีกอันดีกว่า ลองแก้สมการ ที่มีเครื่องหมายค่าสัมบูรณ์อยู่ด้วย สมมติว่ามีสมการ l x-5 l = 10 เราจะตีความอีกอย่างได้ว่า เราจะตีความอีกอย่างได้ว่า ระยะห่างระหว่าง x กับ 5 มีค่าเท่ากับ 10 ดังนั้น จำนวนอีก 10 จำนวน ที่ห่างจาก 5 นั้น จะเป็นเท่าไหร่? เราก็จะสามารถหาคำตอบได้แล้ว แต่ฉันจะแสดงวิธีทำแบบเป็นระบบให้ดู ดังนั้น จำนวนนี้สามารถตีความได้สองแบบ แบบที่ 1 คือ x-5 = 10 ดังนั้นถ้าเราคิดว่ามันเป็น +10 ถ้าเราใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ลงไป เราก็จะได้ +10 อยู่ดี แต่ ในที่นี้ x-5 อาจจะเป็น -10 ก็ได้ ดังนั้น ถ้า x-5 คือ -10 ถ้าเราใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ลงไป เราก็จะได้ 10 อยู่ดี ดังนั้น x-5 ก็สามารถเท่ากับ -10 ได้เช่นกัน ทั้งสองคำตอบสามารถเป็นคำตอบของสมการได้ ดังนั้น ถ้าลองแก้สมการนี้ บวก 5 เข้าไปทั้งสองข้างของสมการ เราจะได้ x = 15 วิธีการแก้สมการถัดมานี้ คือ ให้ +5 ทั้งสองข้างของสมการ ดังนั้น x = -5 ดังนั้นคำตอบของเราคือ เราจะมี x 2 คำตอบ ที่เป็นจริง x อาจจะเป็น 15 15-5 = 10 , ถ้าใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ลงไป เราก็จะได้ l 10 l = 10 หรือ x อาจจะเป็น -5 -5 ลบอีก 5 = -10 ถ้าใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์, l -10 l = 10 และจะสังเกตเห็นว่า ทั้งสองตัวเลขนี้ จะห่างจากเลข 5 อยู่ 10 จำนวน ลองทำอีกสมการนึงดีกว่า สมมติว่า สมมติว่าเรามี ค่าสัมบูรณ์ของ x+2 = 6 จำนวนนี้บอกอะไรเรา? จำนวนนี้บอกเรา ว่า x+2 = 6 จำนวนนี้บอกเรา ว่า x+2 = 6 หรือ x+2 อาจจะได้เท่ากับ หรือ x+2 อาจจะได้เท่ากับ -6 เพราะถ้า x+2 = -6 เวลาเราใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ลงไป เราก็จะได้ 6 อยู่ดี ดังนั้น, x+2 อาจจะเป็น -6 ก็ได้ จากนั้นก็แก้สมการ , นำ 2 ไปลบออกจากทั้งสองข้าง เราจะได้ x=4 ส่วนถ้าเรา นำ 2 ลบออกจากทั้งสองข้าง ของสมการตรงนี้ เราจะได้ x = -8 ดังนั้นสองคำตอบนี้ คือคำตอบของสมการ และจากที่เรารู้มา ว่า เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ ก็คือ การหาระยะห่างระหว่างตัวเลขกับ 0 เราอาจะเขียนโจทย์ใหม่ เป็น l x - (-2) l = 6 วิธีการคิดก็คือ x คือจำนวนอะไร ที่ห่างจาก -2 อยู่ 6 จำได้ไหม จากโจทย์แรกเราบอกว่า x คือจำนวนอะไร ที่ ห่างจาก 5 อยู่ 10 ดังนั้นทั้งสองคำตอบที่เราได้ จะเห็นได้ว่า ทั้งสองคำตอบที่ได้มานี้ ก็ห่างจาก 5 อยู่ 10 ทั้งคู่ ดังนั้นคำถามนี้ก็คือ จำนวนอะไร ที่อยู่ห่างจาก -2 อยู่ 6 ดังนั้น จำนวนทั้งสองคือ 4 หรือ -8 นั่นเอง จะลองนับไล่เลขดูก็ได้ เรามาลองทำโจทย์อีกข้อดีกว่า เรามาลองทำโจทย์อีกข้อดีกว่า ค่าสัมบูรณ์ของ 4x-1 ให้ l 4x -1 l ให้ l 4x -1 l l 4x-1 l = 19 l 4x-1 l = 19 ก็เหมือนๆกับโจทย์ข้อก่อนๆที่ทำมาแล้ว 4x-1 อาจจะเป็น 19 หรือ 4x-1 อาจจะเป็น -19 เพราะหลังจากที่ทำเป็นค่าสัมบูรณ์ออกมาแล้ว เราก็จะได้ 19 อยู่ดี ดังนั้น 4x-1 จะเท่ากับ -19 ก็ได้ จากนั้นก็คือการแก้สมการ +1 เข้าไปทั้งสองข้างของสมการ เราจะบวกเข้าไปพร้อมกัน บวก 1 เข้าไปทั้งสองข้าง , จะได้ 4x = 20 อีกข้างก็ +1 เข้าไปทั้งสองข้างของสมการ เราจะได้ 4x = -18 หารทั้งสองข้างด้วย 4 , เราจะได้ x=5 มาอีกสมการ , หารทั้งสองข้างด้วย 4 เราจะได้ x = -18/4 ซึ่งนั้นก็คือ -9/2 ทั้งสองคำตอบนี้ คือคำตอบของสมการ ลองแทนค่ากลับดู เพื่อดูว่าถูกต้องไหม -9/2 คูณ 4 จะได้ -18 -18 ลบออกอีก 1 ก็จะได้ -19 ใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ลงไป เราจะได้ 19 ถ้า x = 5 ; 4 x 5 = 20 20-1 = 19 ถ้าเราใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ เราจะได้ l 19 l = 19 เรามาลองเขียนกราฟหรือฟังค์ชั่นกันเล่นๆดีกว่า สมมติว่า ให้ y มีค่าเท่ากับ l x+3 l นี่จะเป็นกราฟ ที่มีค่าสัมบูรณ์อยู่ด้วย สมมติให้มี 2 เหตุการณ์ ละกัน เหตุการณ์ที่ 1 ; คือ เลขที่อยู่ในเครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ เป็น จำนวนบวก เราจะได้ x+3 มีค่ามากกว่า 0 x+3 มากกว่า 0 และเหตุการณ์ที่ 2; คือ x+3 มีค่าน้อยกว่า 0 เมื่อ x+3 มีค่ามากกว่า 0 ในกราฟนี้ หรือ ในฟังค์ชั่นนี้ ก็จะมีค่าเหมือน y = x+3 ถ้ามันมีค่ามากกว่า 0 ดังนั้นจะใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์หรือไม่ ก็ค่าเท่ากัน ดังนั้นในกรณีนี้ y=lx+3l ก็จะเท่ากับ y=x+3 ดังนั้นในกรณีนี้ y=lx+3l ก็จะเท่ากับ y=x+3 ถ้า x+3 มากกว่า 0 ถ้าเรา ลบ 3 ออกจากทั้งสองข้าง เราจะได้ x มากกว่า -3 และเมื่อ x มากกว่า -3 กราฟก็จะมีลักษณะเป็น y = x+3 แต่ถ้า x+3 น้อยกว่า 0 เวลาที่จำนวนในเครื่องหมายค่าสัมบูรณ์เป็น จำนวนลบ เวลาที่จำนวนในเครื่องหมายค่าสัมบูรณ์เป็น จำนวนลบ เราก็จะได้ y = - (x+3) y = - (x+3) ดังนั้น ถ้ามันเป็นจำนวนลบ ถ้า x+3 เป็นจำนวนลบ ถ้า x+3 เป็นจำนวนลบ ถ้าเราใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ ให้ จำนวนลบ ถ้าเราใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ ให้ จำนวนลบ ก็คือการเปลี่ยนมันให้เป็นจำนวนบวก ก็เหมือนการ นำ -1 คูณเข้าไป ถ้าเราใส่เครืองหมายค่าสัมบูรณ์ให้จำนวนลบ ก็เหมือนกับการ นำ -1 ไปคูณ นั่นเอง เพราะเรากำลังจะทำให้มันเป็นจำนวนบวก ดังนั้น กลับมาดูที่สมการนี้ x +3 น้อยกว่า 0 ถ้าเรานำ 3 ลบออกทั้งสองข้าง เรานำ 3 ลบออกทั้งสองข้าง เมื่อ x น้อยกว่า -3 ดังนั้น เมื่อ x น้อยกว่า -3 , กราฟก็จะเป็นแบบนี้ ดังนั้น เมื่อ x น้อยกว่า -3 , กราฟก็จะเป็นแบบนี้ ถ้า x มากกว่า -3 , กราฟก็จะเป็นแบบตรงนี้ ถ้า x มากกว่า -3 , กราฟก็จะเป็นแบบตรงนี้ มาดูกันว่า ทั้งสองสมการนั้น จะทำให้กราฟเป็นยังไง มาดูกันว่า ทั้งสองสมการนั้น จะทำให้กราฟเป็นยังไง เริ่มวาดกราฟ โดยเขียนแกน x และ แกน y ขึ้นมา เริ่มวาดกราฟ โดยเขียนแกน x และ แกน y ขึ้นมา จากสมการนี้ เราจะได้ y = -x - 3 จากสมการนี้ เราจะได้ y = -x - 3 จากสมการนี้ เราจะได้ y = -x - 3 มาดูกันดีกว่า ว่า กราฟนี้จะเป็นยังไง มาดูกันดีกว่า ว่า กราฟนี้จะเป็นยังไง จาก y = -x -3 ที่แกน y ก็จะต้องเป็น -3 และ -x หมายความว่า เป็น เส้นเอียงลงไปทางขวา แบบนี้ ความชันเส้น เป็น 1 เส้นมันจะเอียงไปประมาณนี้ ต่อมา คือ ต้องดูว่าเส้นนี้ตัดแกน x ที่ไหน ถ้าเราให้ y ในสมการเป็น 0 , x จะเท่ากับ -3 เวลาลากเส้นต่อทั้งสองจุดเข้าด้วยกัน มันก็จะเป็นแบบนี้ เวลาลากเส้นต่อทั้งสองจุดเข้าด้วยกัน มันก็จะเป็นแบบนี้ และถ้ากราฟไม่ได้มีข้อจำกัดอะไร ก็ต่อเส้นออกมาตามปกติ กราฟก็จะเป็นแบบนี้ (แบบนี้คือเราไม่ได้จำกัดช่วงที่แน่นอนในแกน x) (แบบนี้คือเราไม่ได้จำกัดช่วงที่แน่นอนในแกน x) มาดูอีกกราฟกัน ว่าจะเป็นยังไง มาดูอีกกราฟกัน ว่าจะเป็นยังไง จุดที่แกน y ของมัน จะมีค่าเท่ากับ 3 แบบนี้ จุดที่แกน y ของมัน จะมีค่าเท่ากับ 3 แบบนี้ จากนั้นก็หาจุดตัดที่แกน x ถ้า y=0 , x จะเท่ากับ -3 มันจะก็ตัดที่จุด -3 ที่แกน x เหมือนสมการแรกเช่นเดียวกัน และมีความชัน เป็น 1 มันก็จะมีลักษณะประมาณนี้ นี่คือลักษณะกราฟ จากสมการที่เรามี แต่ที่เราต้องคิด คือ จากสมการสีม่วงข้างบน เราจะเห็นว่า ที่เส้นแรก x ต้องมีค่า น้อยกว่า -3 เท่านั้น ที่เส้นแรก x ต้องมีค่า น้อยกว่า -3 เท่านั้น ดังนั้น ถ้า x ต้องมีค่า น้อยกว่า -3 ดังนั้น ถ้า x ต้องมีค่า น้อยกว่า -3 มันก็จะเขียนในกราฟได้ แค่ช่วงเส้นสีม่วงตรงนี้ มันก็จะเขียนในกราฟได้ แค่ช่วงเส้นสีม่วงตรงนี้ มันก็จะเขียนในกราฟได้ แค่ช่วงเส้นสีม่วงตรงนี้ แต่อีกสมการ บอกว่า x ต้องมากกว่า -3 ดังนั้นเส้นที่สอง เราต้องให้ x มากกว่า -3 เท่านั้น ดังนั้นเส้นที่สอง เราต้องให้ x มากกว่า -3 เท่านั้น ก็จะเป็นแบบนี้ เมื่อนำมาไว้ด้วยกัน กราฟจะดูเหมือนตัว V เมื่อ x มีค่ามากกว่า -3, ดังนั้นความชันจะเป็นบวก เส้นจะเอียงไปอีกทาง แต่ถ้า x มีค่าน้อยกว่า -3 , ความชันของเส้น ก็จะเป็นลบ เส้นจะเอียงแบบนี้ ความชันของเส้น ก็จะเป็นลบ เส้นจะเอียงแบบนี้ ดังนั้นฟังค์ชั่น ที่เราได้นั้น ก็จะเป็น ฟังค์ชั่นรูปตัว V แบบนี้ ซึ่งเป็นลักษณะของกราฟของสมการค่าสัมบูรณ์นั่นเอง ดังนั้นฟังค์ชั่น ที่เราได้นั้น ก็จะเป็น ฟังค์ชั่นรูปตัว V แบบนี้ ซึ่งเป็นลักษณะของกราฟของสมการค่าสัมบูรณ์นั่นเอง ดังนั้นฟังค์ชั่น ที่เราได้นั้น ก็จะเป็น ฟังค์ชั่นรูปตัว V แบบนี้ ซึ่งเป็นลักษณะของกราฟของสมการค่าสัมบูรณ์นั่นเอง