0:00:00.590,0:00:03.880 เรามาลองทำสมการ ที่เกี่ยวกับเรื่อง "ค่าสัมบูรณ์" บ้างดีกว่า 0:00:03.880,0:00:05.119 ก่อนอื่นต้องทบทวนก่อน 0:00:05.119,0:00:07.650 เวลาเราใส่เครื่องหมาย ค่าสัมบูรณ์ ไปให้ตัวเลข [br](เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์คือการใส่ l ... l ครอบลงไป) 0:00:07.650,0:00:10.680 สมมติว่า ใส่ไปให้ เลข -1 0:00:10.680,0:00:12.263 สิ่งที่เราต้องทำคือ 0:00:12.263,0:00:16.090 เราจะคิดว่า "เลขนั้นห่างจากเลข 0 เท่าไหร่" 0:00:16.090,0:00:20.620 ตอนนี้เรามี -1 , ถ้าลองเขียนเส้นจำนวนดู 0:00:20.620,0:00:23.310 (เบี้ยวไปหน่อย) 0:00:23.310,0:00:26.230 ถ้าเราเขียนเส้นจำนวน เลข0อยู่ตรงกลาง 0:00:26.230,0:00:28.470 เราจะมี -1 อยู่ตรงนี้ 0:00:28.470,0:00:30.230 จะเห็นได้ว่า ระยะห่างของมันจากเลข 0 คือ 1 หน่วย 0:00:30.230,0:00:33.250 สรุปได้ว่า ค่าสัมบูรณ์ของ -1 คือ 1 0:00:33.250,0:00:38.850 และค่าสัมบูรณ์ของ 1 ก็คือ 1 หน่วยห่างจาก 0 เช่นกัน 0:00:38.850,0:00:40.610 เพราะฉะนั้น ค่าสัมบูรณ์ของ 1 ก็คือ 1 0:00:40.610,0:00:43.500 สรุป ค่าสัมบูรณ์ คือ[br]"ระยะห่าง ว่าเลขตัวนั้นห่างจาก 0 เท่าไหร่" 0:00:43.500,0:00:45.587 อีกวิธีคิดที่ง่ายกว่าคือ 0:00:45.587,0:00:48.600 เวลาใส่ค่าสัมบูรณ์ลงไป เลขจะกลายเป็นจำนวนบวกเสมอ 0:00:48.600,0:00:59.360 ดังนั้น ค่าสัมบูรณ์ของ -7346 = 7346 0:00:59.360,0:01:00.779 เรามาลองทำอีกอันดีกว่า 0:01:00.779,0:01:05.050 ลองแก้สมการ ที่มีเครื่องหมายค่าสัมบูรณ์อยู่ด้วย 0:01:05.050,0:01:06.675 สมมติว่ามีสมการ 0:01:06.675,0:01:14.500 l x-5 l = 10 0:01:14.500,0:01:15.895 เราจะตีความอีกอย่างได้ว่า 0:01:15.895,0:01:18.161 เราจะตีความอีกอย่างได้ว่า 0:01:18.161,0:01:23.120 ระยะห่างระหว่าง x กับ 5 มีค่าเท่ากับ 10 0:01:23.120,0:01:26.750 ดังนั้น จำนวนอีก 10 จำนวน ที่ห่างจาก 5 นั้น จะเป็นเท่าไหร่? 0:01:26.750,0:01:29.430 เราก็จะสามารถหาคำตอบได้แล้ว 0:01:29.430,0:01:31.960 แต่ฉันจะแสดงวิธีทำแบบเป็นระบบให้ดู 0:01:31.960,0:01:36.510 ดังนั้น จำนวนนี้สามารถตีความได้สองแบบ 0:01:36.510,0:01:41.800 แบบที่ 1 คือ x-5 = 10 0:01:41.800,0:01:44.630 ดังนั้นถ้าเราคิดว่ามันเป็น +10 0:01:44.630,0:01:46.610 ถ้าเราใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ลงไป 0:01:46.610,0:01:48.380 เราก็จะได้ +10 อยู่ดี 0:01:48.380,0:01:53.130 แต่ ในที่นี้ x-5 อาจจะเป็น -10 ก็ได้ 0:01:53.130,0:01:58.700 ดังนั้น ถ้า x-5 คือ -10 ถ้าเราใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ลงไป 0:01:58.700,0:01:59.950 เราก็จะได้ 10 อยู่ดี 0:01:59.950,0:02:04.280 ดังนั้น x-5 ก็สามารถเท่ากับ -10 ได้เช่นกัน 0:02:04.280,0:02:07.730 ทั้งสองคำตอบสามารถเป็นคำตอบของสมการได้ 0:02:07.730,0:02:08.958 ดังนั้น ถ้าลองแก้สมการนี้ 0:02:08.958,0:02:11.500 บวก 5 เข้าไปทั้งสองข้างของสมการ 0:02:11.500,0:02:14.160 เราจะได้ x = 15 0:02:14.160,0:02:17.830 วิธีการแก้สมการถัดมานี้ คือ ให้ +5 ทั้งสองข้างของสมการ 0:02:17.830,0:02:20.900 ดังนั้น x = -5 0:02:20.900,0:02:21.963 ดังนั้นคำตอบของเราคือ 0:02:21.963,0:02:24.910 เราจะมี x 2 คำตอบ ที่เป็นจริง 0:02:24.910,0:02:26.890 x อาจจะเป็น 15 0:02:26.890,0:02:29.502 15-5 = 10 , ถ้าใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ลงไป 0:02:29.502,0:02:32.690 เราก็จะได้ l 10 l = 10 0:02:32.690,0:02:36.060 หรือ x อาจจะเป็น -5 [br]-5 ลบอีก 5 = -10 0:02:36.060,0:02:39.020 ถ้าใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์,[br]l -10 l = 10 0:02:39.020,0:02:41.632 และจะสังเกตเห็นว่า 0:02:41.632,0:02:45.750 ทั้งสองตัวเลขนี้ จะห่างจากเลข 5 อยู่ 10 จำนวน 0:02:45.750,0:02:48.050 ลองทำอีกสมการนึงดีกว่า 0:02:48.050,0:02:51.130 สมมติว่า 0:02:51.130,0:02:52.182 สมมติว่าเรามี 0:02:52.182,0:02:58.580 ค่าสัมบูรณ์ของ x+2 = 6 0:02:58.580,0:02:59.610 จำนวนนี้บอกอะไรเรา? 0:02:59.610,0:03:03.132 จำนวนนี้บอกเรา ว่า x+2 = 6 0:03:03.132,0:03:07.030 จำนวนนี้บอกเรา ว่า x+2 = 6 0:03:07.030,0:03:10.380 หรือ x+2 อาจจะได้เท่ากับ 0:03:10.380,0:03:12.050 หรือ x+2 อาจจะได้เท่ากับ -6 0:03:12.050,0:03:13.910 เพราะถ้า x+2 = -6 เวลาเราใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ลงไป 0:03:13.910,0:03:16.210 เราก็จะได้ 6 อยู่ดี 0:03:16.210,0:03:20.340 ดังนั้น, x+2 อาจจะเป็น -6 ก็ได้ 0:03:20.340,0:03:22.880 จากนั้นก็แก้สมการ , นำ 2 ไปลบออกจากทั้งสองข้าง 0:03:22.880,0:03:25.850 เราจะได้ x=4 0:03:25.850,0:03:29.780 ส่วนถ้าเรา นำ 2 ลบออกจากทั้งสองข้าง ของสมการตรงนี้ 0:03:29.780,0:03:33.690 เราจะได้ x = -8 0:03:33.690,0:03:37.240 ดังนั้นสองคำตอบนี้ คือคำตอบของสมการ 0:03:37.240,0:03:39.740 และจากที่เรารู้มา ว่า 0:03:39.740,0:03:42.500 เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ ก็คือ [br]การหาระยะห่างระหว่างตัวเลขกับ 0 0:03:42.500,0:03:43.940 เราอาจะเขียนโจทย์ใหม่ เป็น 0:03:43.940,0:03:50.410 l x - (-2) l = 6 0:03:50.410,0:03:52.759 วิธีการคิดก็คือ 0:03:52.759,0:03:57.590 x คือจำนวนอะไร ที่ห่างจาก -2 อยู่ 6 0:03:57.590,0:03:59.168 จำได้ไหม จากโจทย์แรกเราบอกว่า 0:03:59.168,0:04:03.560 x คือจำนวนอะไร ที่ ห่างจาก 5 อยู่ 10 0:04:03.560,0:04:05.990 ดังนั้นทั้งสองคำตอบที่เราได้ จะเห็นได้ว่า 0:04:05.990,0:04:08.560 ทั้งสองคำตอบที่ได้มานี้ ก็ห่างจาก 5 อยู่ 10 ทั้งคู่ 0:04:08.560,0:04:09.515 ดังนั้นคำถามนี้ก็คือ 0:04:09.515,0:04:13.080 จำนวนอะไร ที่อยู่ห่างจาก -2 อยู่ 6 0:04:13.080,0:04:15.510 ดังนั้น จำนวนทั้งสองคือ 4 หรือ -8 นั่นเอง 0:04:15.510,0:04:17.959 จะลองนับไล่เลขดูก็ได้ 0:04:17.959,0:04:20.459 เรามาลองทำโจทย์อีกข้อดีกว่า 0:04:20.459,0:04:25.330 เรามาลองทำโจทย์อีกข้อดีกว่า 0:04:25.330,0:04:30.190 ค่าสัมบูรณ์ของ 4x-1 0:04:30.190,0:04:31.430 ให้ l 4x -1 l 0:04:31.430,0:04:33.390 ให้ l 4x -1 l 0:04:33.390,0:04:36.583 l 4x-1 l = 19 0:04:36.583,0:04:40.200 l 4x-1 l = 19 0:04:40.200,0:04:41.769 ก็เหมือนๆกับโจทย์ข้อก่อนๆที่ทำมาแล้ว 0:04:41.769,0:04:47.640 4x-1 อาจจะเป็น 19 0:04:47.640,0:04:51.670 หรือ 4x-1 อาจจะเป็น -19 0:04:51.670,0:04:53.130 เพราะหลังจากที่ทำเป็นค่าสัมบูรณ์ออกมาแล้ว 0:04:53.130,0:04:54.800 เราก็จะได้ 19 อยู่ดี 0:04:54.800,0:04:59.100 ดังนั้น 4x-1 จะเท่ากับ -19 ก็ได้ 0:04:59.100,0:05:00.970 จากนั้นก็คือการแก้สมการ 0:05:00.970,0:05:02.945 +1 เข้าไปทั้งสองข้างของสมการ 0:05:02.945,0:05:04.274 เราจะบวกเข้าไปพร้อมกัน 0:05:04.274,0:05:08.510 บวก 1 เข้าไปทั้งสองข้าง , จะได้ 4x = 20 0:05:08.510,0:05:11.005 อีกข้างก็ +1 เข้าไปทั้งสองข้างของสมการ 0:05:11.005,0:05:15.340 เราจะได้ 4x = -18 0:05:15.340,0:05:20.210 หารทั้งสองข้างด้วย 4 , เราจะได้ x=5 0:05:20.210,0:05:23.920 มาอีกสมการ , หารทั้งสองข้างด้วย 4 เราจะได้ [br]x = -18/4 0:05:23.920,0:05:31.770 ซึ่งนั้นก็คือ -9/2 0:05:31.770,0:05:35.730 ทั้งสองคำตอบนี้ คือคำตอบของสมการ 0:05:35.730,0:05:36.587 ลองแทนค่ากลับดู เพื่อดูว่าถูกต้องไหม 0:05:36.587,0:05:39.580 -9/2 คูณ 4 0:05:39.580,0:05:41.570 จะได้ -18 0:05:41.570,0:05:44.200 -18 ลบออกอีก 1 ก็จะได้ -19 0:05:44.200,0:05:46.740 ใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ลงไป เราจะได้ 19 0:05:46.740,0:05:49.920 ถ้า x = 5 ; [br]4 x 5 = 20 0:05:49.920,0:05:51.960 20-1 = 19 0:05:51.960,0:05:53.260 ถ้าเราใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ 0:05:53.260,0:05:55.920 เราจะได้ l 19 l = 19 0:05:55.920,0:05:58.580 เรามาลองเขียนกราฟหรือฟังค์ชั่นกันเล่นๆดีกว่า 0:05:58.580,0:05:59.283 สมมติว่า 0:05:59.283,0:06:04.990 ให้ y มีค่าเท่ากับ l x+3 l 0:06:04.990,0:06:07.840 นี่จะเป็นกราฟ 0:06:07.840,0:06:09.410 ที่มีค่าสัมบูรณ์อยู่ด้วย 0:06:09.410,0:06:11.820 สมมติให้มี 2 เหตุการณ์ ละกัน 0:06:11.820,0:06:13.136 เหตุการณ์ที่ 1 ; คือ 0:06:13.136,0:06:16.430 เลขที่อยู่ในเครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ เป็น จำนวนบวก 0:06:16.430,0:06:18.873 เราจะได้ x+3 มีค่ามากกว่า 0 0:06:18.873,0:06:23.420 x+3 มากกว่า 0 0:06:23.420,0:06:29.370 และเหตุการณ์ที่ 2; คือ x+3 มีค่าน้อยกว่า 0 0:06:29.370,0:06:32.658 เมื่อ x+3 มีค่ามากกว่า 0 0:06:32.658,0:06:36.490 ในกราฟนี้ หรือ ในฟังค์ชั่นนี้ 0:06:36.490,0:06:41.690 ก็จะมีค่าเหมือน y = x+3 0:06:41.690,0:06:44.370 ถ้ามันมีค่ามากกว่า 0 0:06:44.370,0:06:46.750 ดังนั้นจะใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์หรือไม่ ก็ค่าเท่ากัน 0:06:46.750,0:06:48.780 ดังนั้นในกรณีนี้ y=lx+3l ก็จะเท่ากับ y=x+3 0:06:48.780,0:06:50.280 ดังนั้นในกรณีนี้ y=lx+3l ก็จะเท่ากับ y=x+3 0:06:50.280,0:06:52.590 ถ้า x+3 มากกว่า 0 0:06:52.590,0:06:56.366 ถ้าเรา ลบ 3 ออกจากทั้งสองข้าง 0:06:56.366,0:06:59.910 เราจะได้ x มากกว่า -3 0:06:59.910,0:07:02.249 และเมื่อ x มากกว่า -3 0:07:02.249,0:07:08.460 กราฟก็จะมีลักษณะเป็น y = x+3 0:07:08.460,0:07:11.500 แต่ถ้า x+3 น้อยกว่า 0 0:07:11.500,0:07:13.328 เวลาที่จำนวนในเครื่องหมายค่าสัมบูรณ์เป็น จำนวนลบ 0:07:13.328,0:07:16.509 เวลาที่จำนวนในเครื่องหมายค่าสัมบูรณ์เป็น จำนวนลบ 0:07:16.509,0:07:20.356 เราก็จะได้ 0:07:20.356,0:07:26.250 y = - (x+3) 0:07:26.250,0:07:27.540 y = - (x+3) 0:07:27.540,0:07:30.520 ดังนั้น ถ้ามันเป็นจำนวนลบ 0:07:30.520,0:07:33.060 ถ้า x+3 เป็นจำนวนลบ 0:07:33.060,0:07:36.010 ถ้า x+3 เป็นจำนวนลบ 0:07:36.010,0:07:38.090 ถ้าเราใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ ให้ จำนวนลบ 0:07:38.090,0:07:40.050 ถ้าเราใส่เครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ ให้ จำนวนลบ [br]ก็คือการเปลี่ยนมันให้เป็นจำนวนบวก 0:07:40.050,0:07:43.280 ก็เหมือนการ นำ -1 คูณเข้าไป 0:07:43.280,0:07:45.870 ถ้าเราใส่เครืองหมายค่าสัมบูรณ์ให้จำนวนลบ 0:07:45.870,0:07:48.890 ก็เหมือนกับการ นำ -1 ไปคูณ นั่นเอง 0:07:48.890,0:07:51.010 เพราะเรากำลังจะทำให้มันเป็นจำนวนบวก 0:07:51.010,0:07:53.870 ดังนั้น กลับมาดูที่สมการนี้ 0:07:53.870,0:07:55.840 x +3 น้อยกว่า 0 0:07:55.840,0:07:59.850 ถ้าเรานำ 3 ลบออกทั้งสองข้าง 0:07:59.850,0:08:01.280 เรานำ 3 ลบออกทั้งสองข้าง เมื่อ x น้อยกว่า -3 0:08:01.280,0:08:03.920 ดังนั้น เมื่อ x น้อยกว่า -3 , กราฟก็จะเป็นแบบนี้ 0:08:03.920,0:08:05.040 ดังนั้น เมื่อ x น้อยกว่า -3 , กราฟก็จะเป็นแบบนี้ 0:08:05.040,0:08:08.280 ถ้า x มากกว่า -3 , กราฟก็จะเป็นแบบตรงนี้ 0:08:08.280,0:08:09.600 ถ้า x มากกว่า -3 , กราฟก็จะเป็นแบบตรงนี้ 0:08:09.600,0:08:11.300 มาดูกันว่า ทั้งสองสมการนั้น จะทำให้กราฟเป็นยังไง 0:08:11.300,0:08:13.670 มาดูกันว่า ทั้งสองสมการนั้น จะทำให้กราฟเป็นยังไง 0:08:13.670,0:08:21.520 เริ่มวาดกราฟ โดยเขียนแกน x และ แกน y ขึ้นมา 0:08:21.520,0:08:26.070 เริ่มวาดกราฟ โดยเขียนแกน x และ แกน y ขึ้นมา 0:08:26.070,0:08:29.090 จากสมการนี้ เราจะได้ y = -x - 3 0:08:29.090,0:08:29.870 จากสมการนี้ เราจะได้ y = -x - 3 0:08:29.870,0:08:36.070 จากสมการนี้ เราจะได้ y = -x - 3 0:08:36.070,0:08:37.409 มาดูกันดีกว่า ว่า กราฟนี้จะเป็นยังไง 0:08:37.409,0:08:38.620 มาดูกันดีกว่า ว่า กราฟนี้จะเป็นยังไง 0:08:38.620,0:08:42.020 จาก y = -x -3 0:08:42.020,0:08:47.380 ที่แกน y ก็จะต้องเป็น -3 0:08:47.380,0:08:51.060 และ -x หมายความว่า เป็น เส้นเอียงลงไปทางขวา แบบนี้ 0:08:51.060,0:08:52.290 ความชันเส้น เป็น 1 0:08:52.290,0:08:53.540 เส้นมันจะเอียงไปประมาณนี้ 0:08:56.840,0:09:02.830 ต่อมา คือ ต้องดูว่าเส้นนี้ตัดแกน x ที่ไหน 0:09:02.830,0:09:07.740 ถ้าเราให้ y ในสมการเป็น 0 , 0:09:07.740,0:09:08.575 x จะเท่ากับ -3 0:09:08.575,0:09:10.380 เวลาลากเส้นต่อทั้งสองจุดเข้าด้วยกัน มันก็จะเป็นแบบนี้ 0:09:10.380,0:09:11.920 เวลาลากเส้นต่อทั้งสองจุดเข้าด้วยกัน มันก็จะเป็นแบบนี้ 0:09:11.920,0:09:14.190 และถ้ากราฟไม่ได้มีข้อจำกัดอะไร 0:09:14.190,0:09:15.600 ก็ต่อเส้นออกมาตามปกติ กราฟก็จะเป็นแบบนี้ 0:09:19.890,0:09:22.760 (แบบนี้คือเราไม่ได้จำกัดช่วงที่แน่นอนในแกน x) 0:09:22.760,0:09:23.880 (แบบนี้คือเราไม่ได้จำกัดช่วงที่แน่นอนในแกน x) 0:09:23.880,0:09:27.080 มาดูอีกกราฟกัน ว่าจะเป็นยังไง 0:09:27.080,0:09:27.480 มาดูอีกกราฟกัน ว่าจะเป็นยังไง 0:09:27.480,0:09:31.810 จุดที่แกน y ของมัน จะมีค่าเท่ากับ 3 แบบนี้ 0:09:31.810,0:09:33.230 จุดที่แกน y ของมัน จะมีค่าเท่ากับ 3 แบบนี้ 0:09:33.230,0:09:35.260 จากนั้นก็หาจุดตัดที่แกน x 0:09:35.260,0:09:37.970 ถ้า y=0 , x จะเท่ากับ -3 0:09:37.970,0:09:39.760 มันจะก็ตัดที่จุด -3 ที่แกน x เหมือนสมการแรกเช่นเดียวกัน 0:09:39.760,0:09:40.620 และมีความชัน เป็น 1 0:09:40.620,0:09:43.710 มันก็จะมีลักษณะประมาณนี้ 0:09:43.710,0:09:45.330 นี่คือลักษณะกราฟ จากสมการที่เรามี 0:09:45.330,0:09:48.100 แต่ที่เราต้องคิด คือ จากสมการสีม่วงข้างบน[br]เราจะเห็นว่า 0:09:48.100,0:09:52.030 ที่เส้นแรก x ต้องมีค่า น้อยกว่า -3 เท่านั้น 0:09:52.030,0:09:53.830 ที่เส้นแรก x ต้องมีค่า น้อยกว่า -3 เท่านั้น 0:09:53.830,0:09:57.070 ดังนั้น ถ้า x ต้องมีค่า น้อยกว่า -3 0:09:57.070,0:09:59.593 ดังนั้น ถ้า x ต้องมีค่า น้อยกว่า -3 0:09:59.593,0:10:03.170 มันก็จะเขียนในกราฟได้ แค่ช่วงเส้นสีม่วงตรงนี้ 0:10:03.170,0:10:04.570 มันก็จะเขียนในกราฟได้ แค่ช่วงเส้นสีม่วงตรงนี้ 0:10:04.570,0:10:07.390 มันก็จะเขียนในกราฟได้ แค่ช่วงเส้นสีม่วงตรงนี้ 0:10:07.390,0:10:10.830 แต่อีกสมการ บอกว่า x ต้องมากกว่า -3 0:10:10.830,0:10:12.160 ดังนั้นเส้นที่สอง เราต้องให้ x มากกว่า -3 เท่านั้น 0:10:12.160,0:10:14.640 ดังนั้นเส้นที่สอง เราต้องให้ x มากกว่า -3 เท่านั้น[br]ก็จะเป็นแบบนี้ 0:10:14.640,0:10:17.480 เมื่อนำมาไว้ด้วยกัน[br]กราฟจะดูเหมือนตัว V 0:10:17.480,0:10:21.430 เมื่อ x มีค่ามากกว่า -3, 0:10:21.430,0:10:24.950 ดังนั้นความชันจะเป็นบวก เส้นจะเอียงไปอีกทาง 0:10:24.950,0:10:28.270 แต่ถ้า x มีค่าน้อยกว่า -3 , 0:10:28.270,0:10:30.550 ความชันของเส้น ก็จะเป็นลบ เส้นจะเอียงแบบนี้ 0:10:30.550,0:10:32.280 ความชันของเส้น ก็จะเป็นลบ เส้นจะเอียงแบบนี้ 0:10:32.280,0:10:35.060 ดังนั้นฟังค์ชั่น ที่เราได้นั้น ก็จะเป็น ฟังค์ชั่นรูปตัว V แบบนี้ [br]ซึ่งเป็นลักษณะของกราฟของสมการค่าสัมบูรณ์นั่นเอง 0:10:35.060,0:10:38.250 ดังนั้นฟังค์ชั่น ที่เราได้นั้น ก็จะเป็น ฟังค์ชั่นรูปตัว V แบบนี้ [br]ซึ่งเป็นลักษณะของกราฟของสมการค่าสัมบูรณ์นั่นเอง 0:10:38.250,0:10:39.950 ดังนั้นฟังค์ชั่น ที่เราได้นั้น ก็จะเป็น ฟังค์ชั่นรูปตัว V แบบนี้ [br]ซึ่งเป็นลักษณะของกราฟของสมการค่าสัมบูรณ์นั่นเอง